MGR Online - ผบ.ตร.สั่งสืบสวนเอาผิด มือปล่อย Fake News เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สร้างความตื่นตระหนก เตือนอย่าทำ เพราะเป็นการซ้ำเติม ปชช. เสี่ยงถูกดำเนินคดี
วันนี้ (4 มี.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกเหนือจากการเฝ้าระวังและป้องกัน การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส (COVID-19) ตลอดจนมาตรการสืบสวนปราบปรามผู้ฉวยโอกาส จำหน่าย หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เกินราคา หรือ หลอกลวงสภาพ คุณภาพ ตลอดจน การกักตุนสินค้า เอารัดเอาเปรียบประชาชน ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการสืบสวน จับกุม ปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเทคโนโลยี นำเข้าและส่งต่อข้อมูล ในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล หรือ Fake News ซึ่งมีการแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในข้อความลักษณะที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสับสน และประชาชนตื่นตระหนก
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ได้ทำการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย อาทิ ผู้ที่โพสต์หรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ มีความผิดฐาน “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และ สำหรับผู้แชร์ หรือ ส่งต่อ มีความผิดฐาน “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่น่าจะเกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
“ฝากเตือนไปยัง ผู้สร้างข่าวปลอมในลักษณะนี้ ที่ทำให้เกิดความสับสนในสังคมและสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย เพราะเป็นการซ้ำเติมประชาชน ในห้วงเวลาที่สังคมเกิดความหวาดระแวง ซึ่งหน่วยงานรัฐและเอกชนทุกภาคส่วน กำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ แก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน” รองโฆษก ตร. กล่าว
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเร่งดำเนินการจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าว มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทุกราย พร้อมทั้งขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ในโซเชียลมีเดีย อย่างถี่ถ้วน (อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์) ให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ดีเสียก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกหลอกลวง หรือ อาจไปสร้างความสับสน เกิดความตื่นตระหนกแก่ผู้อื่น ซึ่งอาจเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำและปรับ