ตำรวจพญาไทฝากขัง-ค้านประกันผัวเก่าหึงโหด ไล่ยิงพนักงานคลินิกสาวดับกลางห้างเซ็นจูรี่ ระบุเกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (20 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.อรุณ สืบสิงห์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้นำตัว นายดนุสรณ์ นุ่มเจริญ หรือเจ อายุ 28 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร ที่ก่อเหตุอุกอาจเข้าไปยิงอดีตภรรยาจนเสียชีวิตที่คลินิกเสริมความงาม ชั้น 4 ห้างเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มายื่นคำฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ระหว่าง 20 ก.พ. - 2 มี.ค.นี้ เนื่องจากจะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มอีก 7 ปาก รอผลการตรวจลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา รอผลตรวจดีเอ็นเอในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อเวลา 15.15 น.ของวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันที่คลินิกชื่อดัง ชั้น 4 อาคารเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า ถ.พญาไท แขวงและเขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ปิยานุช ฉัตรไทย อายุ 28 ปี ถูกยิงที่บริเวณศีรษะ คอ และลำตัว จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ในขณะที่ น.ส.ปิยานุช ผู้ตายกำลังนั่งทำงานอยู่ที่เก้าอี้เคาน์เตอร์ของคลินิกดังกล่าว นายดนุสรณ์ได้เดินเข้าไปบริเวณด้านหน้า พร้อมกับล้วงเอาอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติกที่ผู้ต้องหาซุกซ่อนอยู่ออกมาจ่อยิง น.ส.ปิยานุช 2-3 นัด จนผู้ตายล้มลง จากนั้นผู้ต้องหาได้เดินเข้าไปจ่อยิงซ้ำอีก 4-5 นัด เป็นเหตุให้กระสุนปืนถูกบริเวณศีรษะ คอ และลำตัวของผู้ตายหลายแห่งจนถึงแก่ความตาย และกระสุนปืนยังพลาดไปถูก น.ส.วิลาสินี ที่ปั่น เพื่อนร่วมงานซึ่งนั่งข้างๆ ผู้ตายจนได้รับบาดเจ็บบริเวณมือข้างซ้าย จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีไป พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับนายดนุสรณ์ นุ่มเจริญ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 155 / 2563 ลงวันที่ 18 ก.พ. 2563 ต่อมาตำรวจสืบทราบว่านายดนุสรณ์ ผู้ต้องหานี้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 4 ต.ห้วยแม่เพียง อ.แก่งกระจ่าง จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวจึงได้ทำการจับกุม โดยนายดนุสรณ์รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับมาก่อน จากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายในวันที่ 19 ก.พ. 2563 เวลา 11.50 น. เหตุเกิดที่อาคารเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า ถ.พญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59, 80, 288, 289 (4), 371, 376 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26 ) พ.ศ. 2560 มาตรา 6 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4 (1), (2), 7, 8, 8 ทวิ, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคหนึ่ง, วรรคสอง (มาตรา 4 (1) แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และเป็นที่สนใจของประชาชน หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ขณะที่ในวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาติมายื่นประกันแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังระหว่างฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ระหว่างตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังนั้น นายดนุสรณ์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า เป็นเรื่องของคนสองคน พร้อมฝากขอโทษสังคมกับสิ่งที่ทำลงไป ส่วนการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ สน.พญาไท เมื่อคืนนั้นจากการสอบถามร้อยเวรห้องขัง ทราบว่าผู้ต้องหามีอาการเครียด แต่นอนหลับ รับประทานอาหารได้ตามปกติ และไม่ได้ร้องขอสิ่งใดเป็นพิเศษ
ด้านมารดาของนายดนุสรณ์เปิดเผยว่า ทราบดีว่าลูกชายและอดีตลูกสะใภ้มีปัญหากันจนนำไปสู่การหย่าร้าง หลังหย่าร้างทั้งคู่ก็ต่างคนต่างไปมีคนใหม่ กำลังจะไปได้สวย แต่ทางลูกชายก็ได้มาบอกตลอดว่าเขายังรักผู้ตายอยู่ ยังลืมไม่ได้ ถึงแม้เลิกกันไปแล้วแต่ยังรู้สึกหึงหวง และเคยบอกว่าจะไปทำร้ายผู้ตายหากไม่กลับมาคืนดี ตนรู้ว่าลูกชายอารมณ์ร้อนจึงเตือนลูกชายว่าอย่าไปทำร้ายเขาเลย เพราะการติดคุกมันไม่ดี ทั้งนี้ตนก็ส่งข้อความไปเตือนผู้ตายว่าให้ระวังตัวไว้เพราะลูกชายกำลังโมโห แต่ก็ไม่ได้คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้ หลังจากที่ถูกจับกุม ได้พูดคุยกับลูกชายบอกว่าตอนนี้ยังรู้สึกเครียด และที่ทำลงไปเพราะหึงหวง และยังรักผู้ตายมาก ตอนที่ก่อเหตุนั้นขาดสติ เป็นอารมณ์ชั่ววูบ และตอนนี้รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำแล้ว และลูกชายยังเล่าอีกว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างที่ถูกกักขัง ผู้ตายได้มาเข้าฝันแล้วถามว่าทำไมต้องฆ่าเขาด้วย ตนจึงบอกกับลูกชายว่าไม่ต้องคิดมาก ให้ก้มหน้ารับโทษยอมรับทั้งตัวเองเเละลูกชายรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษฝ่ายผู้ตาย และยอมรับว่ายังอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะไปร่วมงานศพผู้ตายที่ จ.ตากหรือไม่ เพราะส่วนหนึ่งครอบครัวก็ไม่มีเงินที่จะเดินทางไป และไม่มีเงินจะมอบให้ทางฝั่งครอบครัวผู้ตาย ได้แต่หวังว่าดวงวิญญาณผู้ตายจะไปสู่ภพภูมิที่ดี