MGR Online - อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย กรมราชทัณฑ์ ได้มีการคัดกรองโรคอย่างเข้มงวด นำรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่พระราชทาน มาใช้ในการตรวจร่างกายผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรนา และเชื้ออื่นๆ อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ต้องขังใหม่ในแดนแรกรับ เนื่องจาก สภาพที่แออัดภายในเรือนจำ จึงมีความสุ่มเสี่ยงมากกว่าปกติ
วันนี้ (29 ม.ค.) เวลา 13.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดโครงการตรวจคัดกรองวัณโรคปอดด้วยรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่พระราชทาน โดยนำมาช่วยคัดกรองผู้ต้องขังแรกรับเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังโรค
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศจีนได้ขยายเข้าสู่ประเทศไทยจนมีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 14 คน ทางกรมราชทัณฑ์ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ดังกล่าวเนื่องจากเรือนจำเป็นสถานที่แออัดทำให้มีโอกาสเกิดแพร่ระบาดโรคได้ง่าย รวมถึงการรับผู้ต้องขังเข้าใหม่มีความเสี่ยงในการนำเชื้อไวรัสเข้ามาในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์จึงวางนโยบายคัดกรองและเฝ้าระวังโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลจะซักถามประวัติและตรวจร่างกายผู้ต้องขังใหม่ทุกวัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา มีเรือนจำรับผู้ต้องขังชาวจีนมาทั้งหมด 14 ราย ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ต จ.สงขลา จ.ปทุมธานี และ จ.ตาก ซึ่งยังไม่พบอาการป่วยและไม่พบข้อมูลว่าเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นหรือไม่ แต่ก็ได้ติดตามเฝ้าดูอาการและรายงานผลตลอด
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า กรมราชทัณฑ์ได้ติดตามและยึดถือแนวทางปฏิบัติ การเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตามแนวทางของกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข และดำเนินการตามมาตรฐานหากพบผู้ป่วยเข้าข่าย โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะส่งเสริมการให้ความรู้ความเข้าใจการป้องกันตัวเองกับผู้ต้องขัง รวมถึงรณรงค์รักษาความสะอาด พร้อมคัดแยกผู้ต้องขังที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจออกจากผู้ต้องขังทั่วไป โดยมีอาสาสมัครผู้ต้องขังเรือนจำที่ได้รับการอบรมเรื่องไวรัสโคโรน่า จะคอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พยาบาลอีกทาง
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรมราชทัณฑ์ มีมาตรการคัดกรองผู้ต้องขังจะเริ่มตั้งแต่หาอาการป่วยในชั้นศาลก่อนเข้าเรือนจำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 4,000 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจกเจลล้างมือที่แดนแรกรับ พร้อมแจกหน้ากากให้กลุ่มที่สุ่มเสี่ยง รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทั้งหมดทุกราย หากพบผู้ป่วยก็จะคัดแยกจากกลุ่มปกติ แต่เรือนจำบางแห่งไม่มีห้องควบคุมโรคเนื่องจากมีพื้นที่คับแคบ ซึ่งกำลังพยายามวางแนวทางป้องกันโรคอย่างเข้มงวด
"ส่วนรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่พระราชทาน ตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้มาประจำที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 1 คัน เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องขังได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันและได้เชื่อมต่อกับระบบเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ มาวิเคราะห์ผลการตรวจโรค โดยมีกลุ่มตัวอย่างผู้ต้องขังแรกรับจำนวน 200 คน" พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหานักโทษล้นเรือนจำ ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประชุมร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีนโยบายให้สร้างโครงเหล็กขึ้นเป็นชั้นลอยภายในเรือนนอนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว มีวงเงินกว่า 178 ล้านบาท และเสนอของบกลางเข้าคณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว เบื้องต้นมีเรือนจำประมาณ 93 แห่งต้องขยายพื้นที่รองรับเพิ่ม
"ส่วนกรณีผู้ต้องขัง 4 ราย เสียชีวิตในเรือนจำ จ.พิษณุโลก ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเนื่องจากพบว่าเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงเพราะไม่มีการกำกับดูแล แก้ไข รับตรวจคุณภาพอาหาร ปล่อยปละละเลย จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น แต่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างแท้จริง ทั้งนี้หากมีผลสรุปที่แน่ชัดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง"
