MGR Online - “ราชทัณฑ์” เปิดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ คัดนักโทษชั้นดี 50 ราย ช่วยเหลือผู้ต้องขังป่วยในเรือนจำ
วันนี้ (29 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อส.รจ.) รุ่นที่ 1 ประจำปี 2563 เพื่ออบรมกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้รับการคัดเลือกให้นำความรู้ทางวิชาการด้านสุขภาพเบื้องต้นไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนผู้ต้องขังอย่างมีประสิทธิภาพ
นายวีระกิตต์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดตั้งโครงการ ราชทัณฑ์ ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อช่วยดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในการเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันตามหลักมนุษยธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ได้จัดทำโครงการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อส.รจ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับการศึกษาอบรม จนเป็นผู้ที่มีความรู้ทักษะในงานด้านสุขภาพ และสามารถนำความรู้ไปใช้ปฏิบัติงานทั้งด้านการคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น การเฝ้าระวัง การป้องกัน และช่วยเหลือเพื่อนผู้ต้องขังที่ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวีระกิตต์ กล่าวต่อมา กลุ่มผู้ต้องขังที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำรุ่นที่ 1 มีทั้งหมด 50 ราย ซึ่งเป็นนักโทษชั้นกลางถึงดีขึ้นไป และมีอัตราโทษต่ำกว่า 5 ปี เข้ามาอบรมและทดสอบความรู้ก่อนปฏิบัติจริง โดยตั้งเป้าให้ดูแลผู้ต้องขังได้ในสัดส่วน อส.รจ.1 คน ต่อ 50 ราย และจะมีระยะเวลาการอบรมตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. ถึงวันที่ 5 ก.พ. 63 ซึ่งโครงการดังกล่าวประกอบด้วย 7 หลักสูตรวิชา ได้แก่ วิชาส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, วิชาการเฝ้าระวังการป้องกันควบคุมโรคติดต่อและภัยสุขภาพที่เป็นปัญหาสำคัญ, วิชาการปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน, วิชาการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและผู้ใช้สารเสพติด, วิชาการสื่อสารและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านสุขภาพ, วิชาอนามัยแม่และเด็กเบื้องต้น และวิชาการบริหารจัดการตามบริบทพื้นที้
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ หวังว่า ผู้ต้องขังที่ได้รับการอบรมจะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการดูแลช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยในเรือนจำให้ได้รับการดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างมีคุณภาพและเท่าเทียมตามหลักมนุษยธรรม เมื่อพ้นโทษจะได้ออกมาสู่สังคมภายนอกและประกอบอาชีพสุจริตได้อย่างมีคุณภาพ