สืบนครบาลตามจับคาอพาร์ทเม้นท์ "วัฒน์ดอนคา" หลอกขายพระเครื่องเกจิอาจารย์ชื่อดัง ผ่านเว็บไซต์ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่าร้อยราย พบประวัติมีหมายจับคดีลักษณะนี้ 5 หมาย ผู้ใดรู้ตัวตกเป็นเหยื่อสามารถติดต่อขออายัดตัวได้ที่ สน.ชนะสงคราม
ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 25 ธ.ค. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรมัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ ผกก.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.พร้อมด้วยพ.ต.ท.อภิศาล แก้วดู สว.กก.สส.3 ร.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ด้วงบ้านยาง ร.ต.อ.โชคดี อินทรลักษณ์ ร.ต.อ.ธีรพงษ์ อริยเลิศชัยกุล และ ร.ต.อ.สุไพสิทธิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา รอง สว.กก.สส.3 ร่วมกันจับกุมตัว นายณัช หรือกิตติวัฒน์ คล้ายสุบรรณ อายุ41 ปี โดยมีฉายา "วัฒน์ดอนคา" ผู้ต้องหาหลอกขายพระเครื่องเกจิอาจารย์ชื่อดัง พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็มธนาคารจำนวน 2 ใบ โดยสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ ซอยสุภาพงษ์ 1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเข้าร้องทุกข์กับทางตำรวจว่าถูกคนร้าย โพสต์ขายพระเครื่องเกจิอาจารย์ชื่อดัง อาทิ สมเด็จวัดระฆัง หลวงเดิม หลวงปู่ทวด และหลวงพ่อโสธร ซึ่งเป็นที่สนใจในวงการพระเครื่อง ขายผ่านเว็ปไซด์ขายสินค้าชื่อดัง โดยตั้งราคาไว้ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด เมื่อมีเหยื่อเข้ามาดูหน้าเว็ปไซด์แล้วหลงเชื่อ จะให้ติดต่อผ่านทางแอปพริเคชั่นไลน์ ใช้ชื่อเล่นว่า "เอ" พร้อมอ้างกับเหยื่อว่าพระดังกล่าวเป็นของพ่อตาที่เป็นทหาร เพิ่งเสียชีวิต และมีพระเก่าจำนวนมาก ซึ่งเจ้าตัวดูพระไม่เป็น แต่อยากจะขาย โดยให้เบอร์โทรติดต่อกลับ อีกทั้งเช็คอินแสดงสถานที่ในโพสต์ของตัวเองอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานเสมอ เพื่อยากในการติดตาม
โดยมีเหยื่อเป็นเซียนพระหลงเชื่อ เห็นว่ารูปที่โพสเป็นพระแท้ ซึ่งมีราคาถูก จากนั้นเหยื่อจึงโอนเงินให้ เมื่อมีเงินเข้า บันชีตามที่เหยื่อโอนมา ก็จะปิดเพจ ปิดโทรศัพท์หลบหนีทันที เมื่อเวลาผ่านไปสัก ประมาณ 15-20 วัน ก็จะโพสขายสินค้าใหม่ โดยจะเปลี่ยน เบอร์โทร แจ้งที่อยู่ใหม่ เพื่อให้เหยื่อที่เคยถูกหลอก จำไม่ได้ ก็จะได้เหยื่อใหม่ เข้ามา มี ผู้เสียหายนับสิบราย เสียเงินเป็นหลักหมื่น หลักแสน ซึ่งเปิดเพจหลอกเหยื่อลักษณะนี้มานานเกือบ 4 ปี ได้เงินไปเป็นหลักล้าน กระทั่งทางตำรวจสืบทราบว่าบุคคลรายนี้หลบหนีกบดานอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ ซอยสุภาพงษ์ 1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ต่อมาทางตำรวจจึงนำกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์ จนพบนายณัช ปรากฎตัว ทางตำรวจจึงแสดงหมายจับ และทำการจับกุม ควบคุมตัวมาสอบสวน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.)
จากการสอบสวน นายณัช ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเดิมเป็น บาร์เทนเดอร์ โรงแรมชื่อดังย่านสาทร ต่อมาได้สั่งซื้อพระ เครื่องจากคนประกาศขายในเพจ แล้วโอนเงินไป 12,000 บาท แต่กับไม่ได้รับสินค้า จึงไปแจ้งความ แต่ทางตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่หลอกลวงตนเองได้ ประกอบกับตนติดการพนันออนไลน์ จึงเห็นช่องทางว่าการหลอกลวงลักษณะนี้มีรายได้ดี และตำรวจจับกุมได้ยาก จากนั้นจึงเริ่มก่อเหตุกับเหยื่อ โดยจะนำภาพพระดังของแท้จากเว็ปไซด์กูเกิ้ล มาลงขาย แต่ไม่มีพระดังกล่าวแต่อย่างใด
ต่อมาพอทราบว่ากำลังถูกตำรวจติดตาม จึงใช้ชีวิตในยามกลางคืน มักเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่ใช้ยานพาหนะ ไปไหนจะใช้บริการวิน จยย.รับจ้าง และใส่หมวกแก๊ปปิดบังอำพรางตนเองตลอดเวลา อีกทั้งจะเก็บตัวอาศัยอยู่แต่ใน อพาร์ทเม้นท์ เล่นการพนันออนไลน์ พอช่วงเช้าจะออกมาหาของกินแล้วกับที่พักทันที แต่ก็ไม่รอดเงื้อมมือตำรวจไปได้
อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบประวัติพบว่ามี หมายจับคดีลักษณะนี้อีก 5 หมาย ทำให้เชื่อว่ามีผู้เสียหายที่หลงเชื่ออีกกว่าร้อยราย หากมีเหยื่อรายใดถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวง สามารถติดต่อขออายัดตัวได้ที่ สน.ชนะสงคราม ทันที เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบนำซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน"