MGR Online - แม่ “น้องเต้” สุดดีใจศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานปากเอก “นายตง” ในเหตุแทง “น้องเต้” เด็กช่างก่อสร้างอุเทนถวายเสียชีวิต หลังศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลย จนพ่อน้องเต้โดดตึกศาลเสียชีวิต ขณะที่ทนายระบุเป็นนิมิตหมายที่ดีของกระบวนการยุติธรรมไทย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยนาง เรวดี ทัฬหสุนทร แม่ของนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือน้องเต้ เด็กนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีก่อสร้างอุเทนถวาย ที่เสียชีวิตจากการถูกเเทง และศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องจำเลย จนเป็นเหตุให้นายศุภชัย พ่อน้องเต้ คิดสั้นโดดตึกศาลอาญาลงมาเสียชีวิตเมื่อปี 2561 ได้เดินทางมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ หลังจากยื่นขอให้ศาลสืบพยานเพิ่มเติม คือ นายพีรวิชญ์ ปุตตะจินารักษ์ หรือตง พยานคนสำคัญในคดีแทงน้องเต้เสียชีวิต ในขณะที่ไปเล่นน้ำสงกรานต์ย่านถนนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านี้พ่อของนายตงอ้างว่านายตงมีการป่วยทางจิต อยู่ระหว่างขั้นตอนการรักษาไม่สามารถขึ้นเบิกความได้ ต่อมาศาลได้มีคำสั่งยกฟ้องนายณัฐพงษ์ เงินคิรี หรือโจ้ จำเลยก่อคดีฆ่าผู้อื่นโดยใช้มีดแทงน้องเต้เสียชีวิต จนเป็นเหตุให้นายศุภชัย ทัฬหสุทร พ่อของน้องเต้ ตัดสินใจกระโดดอาคารจากชั้น 8 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 จนถึงแก่ความตาย
โดยนายอนันต์ชัยกล่าวก่อนขึ้นรับคำสั่งว่า หลังจากที่ยื่นขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนสืบพยานนายตง ก็พบว่านายตงไม่ใช่คนวิกลจริต และพบว่าไปกระทำความผิดในพื้นที่ สน.ประเวศ อีก 8 คดี จึงอาศัยเหตุนี้ในการยื่นอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ย้อนสำนวนสืบพยานใหม่ก็จะเป็นเรื่องที่ดีของวงการกฎหมายไทย เพราะที่ผ่านมาการสืบพยานจะมีเพียงศาลชั้นต้น ไม่สามารถย้อนสำนวนในชั้นอุทธรณ์ได้ และคิดว่าถ้าหากศาลอุทธรณ์ให้ความเมตตาในการสืบพยานใหม่ คำพิพากษาในคดีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าศาลอุทธรณ์จะไม่อนุญาตให้มีการสืบพยานเพิ่มเติม ทางอัยการและตนเองในฐานะทนายโจทก์ร่วม ได้ยื่นอุทธรณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยินดีที่จะน้อมรับ
นางเรวดีเปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจและยังมีความหวังต่อการพิจารณาของศาลอุทธรณ์วันนี้ พร้อมทั้งยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และยังได้ฝากถึงผู้เกี่ยวข้องในคดีว่าขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ต่อมาช่วงสาย นายอนันต์ชัยกล่าวภายหลังศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น ทำการสืบพยานปากนายตง โดยให้โจทก์นำตัวนายตงไปให้แพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยว่าสามารถเบิกความได้หรือไม่ และถ้ายังไม่สามารถเบิกความได้ก็ให้จัดแพทย์เข้าทำการรักษาจนกว่าจะเบิกความได้ และเมื่อนำตัวนายตงมาเบิกความ ให้มีแพทย์ที่ทำการรักษามาคอยกำกับดูแลการเบิกความ พร้อมบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นพยานหลักฐาน ขณะที่จำเลยมีสิทธินำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายตง และให้โจทก์ดำเนินการโดยเร็ว โดยรายงานผลให้ศาลทราบทุก 3 เดือน โดยนัดพร้อมอีกครั้งในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.00 น. การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดังกล่าวคดีนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของกระบวนการยุติธรรมไทย
“ผมยังได้รับมอบจากพนักงานอัยการในฐานะเป็นโจทก์ร่วมให้ไปสืบหาตัวนายตง หากอยู่ในเรือนจำก็ต้องให้แพทย์ในเรือนจำทำการรักษาและตรวจวินิจฉัยก่อนนำตัวมาเบิกความต่อศาลต่อไป” ทนายอนันต์ชัยกล่าว
ด้านนางเรวดีกล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจ ขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตาในการพิจารณาสอบพยานเพิ่มเติมใหม่ พร้อมฝากบอกไปถึงนายตงที่เป็นพยานให้ออกมาพูดความจริงเพราะเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงคนเดียวในคดีนี้
