MGR Online - ศาลอาญาทุจริตฯ อนุมัติหมายจับ"ชัยวัฒน์"อดีต หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมพวก 4 ราย คดีฆาตกรรม"บิลลี่" รวม 7 ข้อหา ทั้งฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดตัวเอง,กักขังหน่วงเหนี่ยว,ซ่อนเร้นอำพรางศพ
วันนี้ (11 พ.ย.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่าในช่วงบ่ายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 ราย ในหลายข้อหา ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะเร่งประชุมหารือคณะพนักงานสอบสวน เพื่อเตรียมชุดจับกุม แต่หากผู้ต้องหาประสงค์จะมามอบตัวกับดีเอสไอ ก็พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนและให้ความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1, นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 และ นายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหา
1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้,
2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย,
3.ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เช็ญว่จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น,
4.ร่วมกันปลันทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย,
5.ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4)(7), 309, 310, 33, 340, 340 ตรี ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 ทวิ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต,
6.ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น,
7.ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 172
ส่วนนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ไม่ได้เป็นข้าราชการ จึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้การสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว