สาวโรงงาน เดินทางเข้าพบทนายรณรงค์ หลังมีผู้แอบอ้างเป็นทีมงานทนายคู่ใจ หลอกถอนเงินสดเสียหายกว่าล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.62 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.มณีรัตน์ ทดทะศรี อายุ 48 ปี พนักงานบริษัททำตู้ไฟฟ้า อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู 1 ต นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พร้อมนายประสาท ศรีอัคฮาด อายุ 48 ปี สองสามีภรรยา เดินทางเข้าพบทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงหลังมีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นทีมงานทนายคู่ใจ โดยมีน.ส.แววดาว สุชิน อ้างว่าเป็นเลขาของทนายรณรงค์ พร้อมกับทนายรณรงค์ตัวปลอม และทีมงานอีก 3 คน หลอกดำเนินการถอนเงินสดจากธนาคาร 3 แห่งเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาทออกไป พร้อมทั้งข่มขู่ถ้าแจ้งความจะไม่ปลอดภัย จึงได้เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามถึงบุคคลทั้ง 5 ว่าใช่ทีมงานทนายคู่ใจหรือไม่
น.ส.มณีรัตน์ ทดทะศรี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนมีบัญชีเงินฝากประจำธนาคาร กรุงเทพ 2 บัญชี บัญชีละ 300,000 บาท และ220,000 บาท , กรุงศรีอยุธยา 300,000 บาท และกสิกรไทย 260,000 บาท แต่ตอนไม่สามารถเบิกเงินได้เนื่องจากวันที่ไปธนาคารเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ น.ส.ต๊ะ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งอ้างว่าตนก็ฝากเงินประจำกับธนาคารแต่ถอนเงินไม่ได้เพราะผู้จัดการธนาคารเบิกเงินไปหมดและลาออกไปแล้ว น.ส.ต๊ะ จึงได้แนะนำให้โทรปรึกษาเพจทนายคู่ใจเพื่อให้ติดตามเงินให้ เมื่อตนจึงเข้าไปที่เพจทนายคู่ใจ และโทรศัพท์ติดต่อเบอร์ 0924533393 มีผู้หญิงชื่อ น.ส.แววดาว สุชิน รับสายแจ้งว่าเป็นเลขาทนายรณงค์ จะเป็นคนรับเรื่องไว้ จากนั้นเมื่อวันที่ 2 ต.ค.62 ได้นัดเจอกันที่หน้ามูลนิธิบ้านเด็กโสสะ จ.สมุทรปราการ เพื่อมารับเอกสาร สมุดบัญชีธนาคาร สำเนาบัตรประชาชน ทั้งหมด 4 ชุด เพื่อไปดำเนินการกัยธนาคารทั้ง 4 บัญชี โดยวันที่มารับเอกสารตัวทนายรณรงค์มาด้วย แต่งตัวใสเสื้อเชิ้ตสีชมพู สูทดำ ผอม สูง ส่วน น.ส.แววดาว เลขาอายุประมาณ 40 ปี วันนั้นได้มีการให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อใหม่ยกเลิกเบอร์เก่าของออฟฟิซ โดยทีมทนายคิดค่าดำเนินการจำนวน 220,000 บาท นัดจ่ายหลังทำคดีเสร็จ ต่อมาวันที่ 5 ต.ค.62 น.ส.แววดาว ได้พาตนเดินทางมาดูสำนักงานทนายคู่ใจ ตั้งอยู่ที่สนามบินน้ำ ใกล้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ภายในออฟฟิซมีพนักงาน 3 คน เป็นผู้หญิง 1 คนผู้ชาย 2 คน ตนจึงเชื่อใจและนัดรับเงินของตนที่ทีมงานไปเบิกออกมา วันที่ 6 ต.ค.62 ที่ซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ แต่บุคคลทั้งหมดก็ไม่มา หลังจากนั้นก็นัดวันที่ 13 ต.ค.ก็ไม่มาอีกและนัดใหม่ ตนเริ่มแปลกใจจึงได้พาคนไปด้วยในวันที่ 23 ต.ค. ที่โลตัส ศรีนครินทร์ คาดว่าแกงค์คนร้ายน่าจะรู้ว่าตนมีบุคคลอื่นไปด้วยจได้ส่ง จ.ม.มาหาตนวันที่ 28 ต.ค.62 เขียนว่าถ้านัดอีกครั้งให้มาคนเดียวห้ามพาใครมา และข่มขู่ว่าถ้าแจ้งความจะไม่ปลอดภัย เงินทั้งหมดเขาได้เบิกออกมาหมดแล้วอยู่ที่เขา ซึ่งตนกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายกับตนจึงได้ติดต่อมาที่ทนายรณรงค์อีกครั้ง และเดินทางมาตรวจสอบว่าทั้งหมดเป็นทีมงานทนายคู่ใจหรือไม่ เมื่อมาถึงสถานที่ก็ไม่ใช่ ตัวทนายก็ไม่ใช่ จึงได้รู้ว่าน่าจะถูกแกงค์หลอกเงินไป
ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า สำนักงานตนมีที่เดียว ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ไม่มีสาขาหรือแฟรนด์ชาย รูปร่างตนก็ไม่ผอม มีพุง คาดว่าน่าจะมีคนแบอ้างใช้ชื่อทนายคู่ใจไปหลอกฉ้อโกงเงินผู้เสียหาย ซึ่งตนได้แนะนำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.บางปู ในวันพรุ่งนี้ เพื่อไปตรวจสอบกับธนาคารทั้ง 3 แห่งว่าใครเป็นคนมาเบิกเงิน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหารูปพรรณคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนตนจะเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ดว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างใช้ชื่อบริษัทไปหลอกลวงคนทำให้บริษัทเสียหาย และจะฟ้องร้องดำเนินคดี คดีนี้หาตัวไม่อยากต้องนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้