xs
xsm
sm
md
lg

“ป้อนข้าว” สาวคนสนิท “บรรยิน” พร้อมแม่และน้องชาย รับทราบข้อหาฟอกเงินคดีปลอมแปลงการโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ป้อนข้าว” ควงแม่ และน้องชาย รับทราบข้อหาฟอกเงินคดีปลอมแปลงการโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ สาวคนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งพบว่ามีการนำเงินที่ได้รับจากการโอนหุ้นไปแปลงเป็นทรัพย์สินอื่น จากนั้นแม่ได้โอนเงินต่อไปยังลูกชาย มูลค่า 35 ล้านบาท

วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.อุรชา วชิรกุณฑล หรือ“ป้อนข้าว” อายุ 26 ปี อดีตโบรกเกอร์สาวคนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาฆาตกรรม และ ปลอมแปลงการโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน พร้อมด้วย น.ส.ศรีธารา พรหมมา มารดา และ นายชัยพรรณ พรหมมา น้องชาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม รอง ผกก.4 บก.ป.ตามหมายเรียกในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” หลังจากที่ก่อนหน้านี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ชี้มูลความผิดในคดีดังกล่าว สอบสวน น.ส.อุรชา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด

นายวุฒิกร พินิจมั้ง ทนายความ น.ส.อุรชา เปิดเผยว่า วันนี้ลูกความได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งว่าคดีนี้สืบเนื่องมาจากคดีการปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ซึ่งพบว่ามีการนำเงินที่ได้รับจากการโอนหุ้นไปแปลงเป็นทรัพย์สินอื่น อาทิ บ้าน รถยนต์ โดยมีแม่และน้องชายเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าแม่ของป้อนข้าวได้รับการโอนเงินจากลูกสาว จากนั้นแม่ได้โอนเงินต่อไปยัง นายชัยพรรณ ลูกชาย มูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท

นายวุฒิกร กล่าวต่อว่า ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เป็นข้อหาที่สืบเนื่องมาจากข้อหาปลอมแปลงเอกสารในการโอนหุ้นนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจยึดทรัพย์ไปแล้ว ทั้งบ้านและรถยนต์ และยังมีการโยงไปถึงคดีการฆ่านายชูวงษ์ ซึ่งในส่วนนี้ น.ส.อุรชา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่น จึงมองว่าการออกหมายเรียกในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ไม่น่าจะเข้าความผิดมูลฐาน แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและจะต่อสู้ไปตามข้อเท็จจริงที่มีเนื่องจากมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมามอบให้พนักงานสอบสวน

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. กล่าวว่า ในส่วนของคดีการฟอกเงินของ น.ส.อรุชา น.ส.ศรีธารา และ นายชัยพรรณ ทั้ง 3 คนได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ ส่วนรายละเอียดนั้นอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้นก็จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาและปล่อยตัวไปเนื่องจากทั้ง 3 คนได้เดินทางตามหมายเรียกและไม่มีท่าทีหลบหนี

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 เมื่อญาติของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน เข้าร้องกองปราบปรามให้ช่วยรื้อคดีที่นายชูวงษ์ เสียชีวิตปริศนาขณะนั่งรถยนต์เลกซัส สีดำ แอลเอ็กซ์ 470 ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นคนขับและเกิดอุบัติเหตุชนต้นไม้ตรงข้ามซอย 61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตสวนหลวง โดยตอนแรกทางพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ได้สรุปสำนวนคดีว่าเป็นอุบัติ แต่ญาติยังติดใจสงสัยเนื่องจากตรวจสอบพบว่าก่อนเสียชีวิต นายชูวงษ์ ได้โอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาท ไปให้หญิงสาวสองคนคือ น.ส.กัญฑณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตพริตตี้สาว และ น.ส.อุรชา ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.บรรยิน

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งส่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ ส่วน น.ส.กัญฑณา น.ส.อุรชา คนสนิทถูกฟ้องข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมในคดีโอนหุ้นนอกจากนั้น น.ส.ศรีธารา และ นายชัยพรรณ แม่และน้องชายของ น.ส.อุรชา ถูกฟ้องคดีดังกล่าวด้วย

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ปปง.ได้ชี้มูลความผิดในคดีดังกล่าวและให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามแจ้งข้อกล่าวหาแก่กลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมในคดีร่วมกันฟอกเงิน โดยบุคคลที่ถูกออกหมายเรียกมีทั้งหมด 5 ราย คือ น.ส.อุรชา แม่และน้องชายที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน และ น.ส.กัญฑณา ได้มอบหมายให้ทนายเลื่อนนัดมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 28 สิงหาคมนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น