MGR Online - รอง ผบช.ทท. แถลงจับแก๊งมองโกเลียล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวเกาหลี บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ก่อนนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อมือถือได้ผู้ต้องหา 3 ราย โดยจะเดินทางเข้ามาก่อเหตุบ่อยครั้งก่อนหลบหนีออกไป
วันนี้ ( 2 ส.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ บก.ทท.1 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.วรนัฏฐ์ ผ่อนผัน รอง ผบก.ปรก. รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.เกื้อกมล ดวงประทีป ผกก.1 บก.ทท.1 และ พ.ต.อ.ภพธร จิตตหมั่น ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมกันแถลงผลจับกุม MR.INDERMAA GANBOLD (อินเดอร์มา แกนโบ) อายุ 31 ปี หนังสือเดินทาง E1761422 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.482/2561 ลงวันที่ 31 ก.ค.61 MR.OKHINSUREN BAYARSAIKHAN (ออคฮินสุเลน บายาไซคาน) อายุ 39 ปี หนังสือเดินทาง E2209562 (ขอเพิกถอนวีซ่า) และ MR.TSEDDENBAL OYUNBOLD (ทีเสดเดนบัล โอยุนโบล) อายุ 34 ปี หนังสือเดินทาง E1602229 (ขอเพิกถอนวีซ่า) ผู้ต้องหาแก๊งล้วงกระเป๋า ชาวมองโกเลีย ตรวจยึดของกลางเงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ยูโร ดอลล่าร์ออสเตรเลีย วอน (เกาหลีใต้) และเงินบาทไทย รวมมูลค่าประมาณ 100,000 บาท เครื่องแต่งกายที่ใช้ในการก่อเหตุตามภาพวงจรปิด ในข้อหากล่าวหาว่า ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น มีไว้เพื่อนำออกใช้และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ของผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งมีโทษตาม ป.อาญา มาตรา 269/5 ประกอบ มาตรา 269/7 จำคุกไม่เกิน5ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุล้วงกระเป๋าจากผู้เสียหายชาวเกาหลี เมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ได้ทรัพย์สินเป็นกระเป๋าสตางค์ ซึ่งภายในมีเงินสด 50,000 วอน, บัตรเครดิต 4 ใบ และเอกสารส่วนตัว โดยหลังจากที่ได้ทำการล้วงกระเป๋าสำเร็จ ผู้ต้องหานำบัตรเครดิตไปซื้อโทรศัพท์ IPHONE X จำนวน 5 เครื่อง โดยใช้วิธีปลอมบัตรประจำตัว ให้มีชื่อตรงกับบัตรเครดิตของผู้เสียหาย ทำให้เจ้าหน้าที่ของร้านค้าหลงเชื่อ และจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ IPHONE X ให้กับผู้ต้องหาไป จากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันติดตามเรื่อยมาจนกระทั่งสามารถออกหมายจับและจับกุมตัว ได้บริเวณสถานีรถไฟฟ้าชิดลม และได้ขยายผลจนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือได้อีก 2 คน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่าการสืบสวนหาข่าวทราบว่า แก๊งมองโกเลียนี้ มีทั้งหมด 5 คน เข้ามาในประเทศไทยหลายครั้ง และครั้งนี้เข้ามาพร้อมกัน เมื่อวันที่ 18 ก.ค.61 แต่หลังจากก่อเหตุ 2 คนในแก๊ง ได้เดินทางกลับประเทศมองโกเลียไป เมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ IPHONE X ทั้งหมด ส่วนอีก 3 คน ที่เหลือกำลังจะเดินทางกลับวันนี้ (2 ก.ค.61) แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถทำการจับกุมได้ก่อน
ทั้งนี้ พฤติการณ์คนร้ายแก๊งมองโกเลียดังกล่าว จะวนเวียนเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ด้วยวีซ่าปลอม จะอาศัยอยู่ประมาณ 5-6 วัน ก่อนหลบหนีออกจากประเทศ แล้วกลับเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก เป้าหมายจะเลือกเหยื่อเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยไม่นาน เนื่องจากอยู่ไม่นานก็กลับมักไม่ค่อยแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งหลังได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย จะทำการปลอมแปลงบัตรประชาชนปลอม เพื่อนำไปใช้คู่กับบัตรเครดิตในการรูดซื้อสินค้าต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ
สอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า มักจะเลือกก่อเหตุล้วงกระเป๋าตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า และตามสถานีรถไฟฟ้า โดยเลือกเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากมักไม่ค่อยแจ้งความดำเนินคดีกับก่อเหตุ