ปู่กับย่าร้องหลังนำหลานขวบเศษฝากเลี้ยงบ้านเด็กอ่อนรังสิตแล้วเสียชีวิต แพทย์ระบุสาเหตุเกิดจากศีรษะกระแทกของแข็ง ติดใจหลานเสียชีวิตหลังให้สถานสงเคราะห์ดูแล
วันนี้ (30 กรกฎาคม 2561) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายอนันต์ศักดิ์ เอี่ยมดีเลิศ อายุ 50 ปี และนางสุดารัตน์ ฤทธิ์โพธิ์ อายุ 42 ปี ผู้เป็นปู่กับย่าของเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 1 ขวบ 9 เดือน ที่เสียชีวิตหลังนำไปฝากเลี้ยงที่บ้านเด็กอ่อนรังสิต ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยแพทย์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ และทาง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการบาดเจ็บที่สมองจากศีรษะกระแทกของแข็งไม่มีคม และในวันเดียวกันนี้ญาติได้เดินทางไปรับศพที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลปทุมธานี อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
นายอนันต์ศักดิ์ เอี่ยมดีเลิศ เปิดเผยว่า ตนกับแฟนได้ติดต่อกับหน่วยงาน อบต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ เพื่อขอความอนุเคราะห์หาที่รับเลี้ยงหลานชายไปดูแลเพราะตนเองและภรรยาต้องทำงานประจำ ส่วนน้องจะต้องอยู่กับยายทวดที่มีอายุมากกว่า 80 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะว่ามารดาน้องเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ส่วนบิดาถูกต้องโทษ กระทั่ง อบต.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีการตรวจสอบสถานภาพครอบครัวอย่างละเอียดนานกว่า 2 เดือน โดยตนเองได้นำตัวน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอย่างถูกต้องตามระเบียบ ก่อนที่หน่วยงานส่วนเกี่ยวข้องจะประสานส่งตัวน้องมาดูแลที่บ้านพักเด็กรังสิต จ.ปทุมธานี
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 ครอบครัวได้นำน้องเอ (นามสมมติ) มาฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านพักเด็กอ่อนรังสิต โดยคาดว่าจะฝากเพียง 2 ปี เพื่อรอให้พ่อออกจากสถานคุมขังมาเป็นผู้ดูแล ซึ่งวันส่งตัวเด็กก็มีอาการร่าเริงแจ่มใสปกติ ตนเองจึงเดินทางกลับ จากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 20 วัน ตนจึงเดินทางกลับมาดูน้องอีกครั้งพบว่าน้องมีอาการซูบผอม ไม่ร่าเริง จึงสอบถามเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กรังสิตก็ได้รับคำตอบว่า เด็กอยู่ในสภาวะปรับตัวและต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ตนเองจึงเดินทางกลับ กระทั่งวันที่ 21 กรกฎาคม 2561 เวลาประมาณ 17.00 น.ผู้ปกครองของบ้านพักเด็กอ่อนรังสิตได้โทรศัพท์มาแจ้งกับตนเองว่าได้นำน้องไปส่ง รพ.ธัญบุรี เนื่องจากน้องมีอาการชักเกร็ง ตนและครอบครัวจึงเดินทางมาตรวจสอบ และจากการรักษาทราบว่าเลือดออกในสมองจึงถูกส่งตัวมาที่ รพ.ปทุมธานี เพื่อทำการผ่าตัด
จนการรักษาผ่านไปนานหลายวันจึงไปสอบถามหาสาเหตุที่แท้จริงที่บ้านพักเด็กอ่อนรังสิตก็ไม่มีใครตอบได้ว่าเกิดจากอะไร และภายในสถานที่ดูแลนั้นก็ไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด แถมผู้ปกครองยังถามกลับอีกว่าเด็กได้รับการกระทบกระเทือนมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ตนเองจึงตอบไปว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะก่อนหน้าจะนำมาฝากเลี้ยงนั้นได้มีการตรวจสุขภาพตามระเบียบและก็อยู่ในการดูแลของบ้านพักเด็กมากว่า 1 เดือนเศษแล้ว จนวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาน้องเอได้เสียชีวิตลงโดยมีการส่งตัวไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตกระทั่งนำร่างมาฝากดูแลไว้ที่ รพ.ปทุมธานี เพื่อรอการประกอบพิธีทางศาสนา
น.ส.นภาพร เมฆาผ่องอำไพ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต ได้เดินทางมาเคารพศพและพูดคุยกับญาติของน้องที่เสียชีวิต พร้อมเปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุรับแจ้งจากผู้ดูแลว่าน้องมีอาการชักเกร็งจึงรีบนำตัวส่ง รพ.ธัญบุรี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรียกผู้ปกครองดูแลและส่วนเกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน ซึ่งบ้านพักเด็กอ่อนรังสิตปัจจุบันมีเด็กในการดูแลกว่า 300 คน มีผู้ปกครองดูแล 50 คน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางบ้านพักเด็กอ่อนรังสิตได้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาและค่าประกอบพิธีทางศาสนาให้แก่ครอบครัวซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการฌาปนกิจศพในเวลาประมาณ 13.00 น.