MGR Online - 3 หน่วยงาน ปปป.-ปปง.-ป.ป.ท. ถกฟอกเงิน “พุฒิพัฒน์” อดีตปลัด พม. ลุยยึดทรัพย์คดีแพ่ง 88 ล้าน เตรียมเรียกสอบปากคำเมียอีกครั้งหลังหายดีแล้ว เพื่อหาเส้นทางการเงิน หากเชื่อมโยงถึงบุคคลใดยึดทั้งหมด
วันนี้ (12 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. พร้อมด้วยนายวิทยา นีติธรรม เลขานุการกรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมประชุมหารือแนวทางการดำเนินคดีฟอกเงิน กรณีนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และ น.ส.วาสนา ตะเภาพงศ์ หญิงสาวคนสนิท ผู้ต้องหาคดีทุจริตยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ต.กมลกล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกร่วมกันของพนักงานสอบสวน ปปป., ปปง. และ ป.ป.ท. เพื่อหารายละเอียดแนวทางดำเนินคดีฟอกเงิน เช่น จำนวนเงินที่กระทำความผิดเท่าไหร่ ความผิดเกิดขึ้นเมื่อใด และสถานที่กระทำความผิดที่ไหนบ้าง โดยเบื้องต้น ปปง.พบมีจำนวน 26 แห่ง เป็นงบประมาณปี 59 ซึ่งจะตรวจสอบว่าแต่ละแห่งมีจำนวนเงินกระทำความผิดเท่าไหร่ รวมทั้งนอกจาก 2 รายแรกที่เข้าแจ้งความแล้วยังมีคนอื่นหรือไม่
“ส่วนคดีทางอาญาของอดีตปลัด พม.ที่เสียชีวิตจากการกินยาฆ่าตัวตายต้องยุติลง ส่วน น.ส.วาสนา ยังให้รักษาตัวไปก่อนจะมาเรียกสอบปากคำอีกครั้ง แต่ในคดีทางแพ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาเส้นทางการเงินหากเชื่อมโยงถึงบุคคลใดก็จะเรียกมาชี้แจงเพื่อให้ความเป็นธรรม แต่ถ้าผิดต้องถูกดำเนินคดีและอายัดทรัพย์ต่อไป”
ด้านนายวิทยากล่าวว่า ขณะนี้ดำเนินการตรวจสอบงบประมาณปี 59 แต่ ปปง.จะขยายผลเพิ่มเติมหากพบกระทำผิดก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติอายัดทรัพย์สินครั้งแรกที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายพุฒิพัฒน์ และพวก รวม 12 ราย เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ รวม 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท
นายวิทยากล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบทรัพย์สินค่อนข้างยากเนื่องจากมีการแปรสภาพเป็นรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ รวมถึงไม่ได้ผ่านสถาบันการเงินแต่หิ้วเงินสดนำไปฝากบุคคลอื่น ทั้งเครือญาติและคนใกล้ชิด เชื่อว่ามีมากกว่า 10 คน แต่ยังไม่พบว่ามีการโอนทรัพย์สินออกนอกประเทศ ส่วนจะมีการโอนเงินไปยังบุคคลที่ใหญ่กว่าปลัด พม.กำลังตรวจสอบ โดย ปปง.มาแจ้งความร้องทุกข์ก่อน 2 ราย คือ นายพุฒิพัฒน์ และ น.ส.วาสนา หลังจากนั้นจะขยายผลกล่าวโทษบุคคลอื่นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ประเด็นการฆ่าตัดตอนนั้นดูจากพยานหลักฐานต่างๆ แล้วมาประกอบกัน คาดว่าไม่น่าเป็นการตัดตอนเพราะไม่พบการทำลายหลักฐานแต่อย่างใด