รอง ผบ.ตร.ควง น.1 นำทีมแถลงรวบ “ไอ้วุธ” มือฆ่าหั่นศพ “น้องเมย์” เผยสุดเหี้ยมโหดใช้ค้อนทุบหัวจนหมดสติร่วมชั่วโมง ก่อนผู้ตายรู้สึกตัวใช้ค้อนทุบซ้ำจนเสียชีวิต เย็นใจไปทำงานค่อยกลับมาชำแหละศพก่อนนำไปทิ้ง เค้นสอบตอนแรกให้การปฏิเสธ สุดท้ายจนมุมหลักฐานรอยนิ้วมือรับสารภาพสิ้น จากการตรวจสอบไม่พบปัญหาทางจิต
วันนี้ (24 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.45 น. ที่ ศปก.กก.สส.บก.น.3 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.มีนบุรี ตำรวจฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.3 และฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายธนกฤต หรือวุธประกอบ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.625/2561 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2561 พร้อมของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นจีที 125 สีดำ ทะเบียน 5 กบ 3173 กรุงเทพมหานคร
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า หลังจากรับแจ้งพบชิ้นส่วนศีรษะมนุษย์อยู่ในกระเป๋าเป้สะพายถูกทิ้งไว้บริเวณพงหญ้าข้างทาง ถ.สามวา ระหว่างซอยสามวา 27-29 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ตำรวจสน.มีนบุรีจึงไปตรวจสอบจากการตรวจสอบพบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ถูกหั่นชำแหละใส่ถุงดำนำมาโยนทิ้งบริเวณจุดเกิดเหตุจำนวน 13 ชิ้น ต่อมาทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.ลักษณา หรือเมย์ กำลังเก่ง อายุ 24 ปี เมื่อสืบสวนต่อทราบว่าแฟนเก่าผู้เสียชีวิตชื่อนายธนกฤต หรือวุธ ประกอบ อายุ 36 ปี ภูมิลำเนา 140 ม.8 ต.นาใหญ่ อ.สุวรรรภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ภูมิลำเนาเดียวกันกับผู้ตาย จึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำ ต่อมานายธนกฤตยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่า น.ส.ลักษณาจริง โดยเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลาประมาณ 20.00 ได้ใช้ค้อนตีที่ศีรษะของผู้ตาย 1 ครั้ง ผู้ตายได้หมดสติไปหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้ตายได้รู้สึกตัวจึงใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะแล้วใช้ค้อนทุบตีที่ศีรษะอีกจำนวน 3-4 ครั้ง จนผู้ตายหมดสติแล้วปล่อยศพทิ้งไว้ 1 วัน ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย. 61 ไปทำงานปกติจนกระทั่งเย็นกลับมาที่ห้อง 4319 ชั้น 3 อาคาร 4 ดีดีแมนชั่น ซอยโรงพยาบาลนวมินทร์1 ถนนสีหบุรานุกิจ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 21.00 น. เริ่มหั่นชำแหละศพผู้เสียชีวิตในถุงดำ (ตามหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุที่เป็นสถานที่พบศพ) ในวันเดียวกันเวลาประมาณ 04.00 น. ถึงเวลาประมาณ 05.00 น. ได้นำชิ้นส่วนศพผู้เสียชีวิตไปทิ้งบริเวณจุดพบศพโดยใช้จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นจีที 125 ทะเบียน 5 กบ 3173 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพานะ จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางที่ยึดได้ส่งพนักงานสอบสวนมีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า ตอนแรกยังไม่พบว่าผู้ตายเป็นใคร จากการสืบสวนทำให้ได้วัตถุพยานจากที่เกิดเหตุ ประกอบกับได้หลักฐานสำคัญคือลายนิ้วมือซึ่งสามารถลอกลายนิ้วมือได้ เมื่อทราบว่าผู้ตายเป็นใครก็ง่ายขึ้น ทำให้มีร่องรอยที่เป็นหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้ต้องหา ตอนแรกผู้ต้องหาไม่รับสารภาพ แต่ภายหลังรับสารภาพเพราะยอมจำนนต่อหลักฐาน โดยสาเหตุมาจากการหึงหวงผู้ตายเนื่องจากจะกลับไปหาแฟนเก่า จึงได้ใช้ค้อนที่อยู่ภายในห้องพักทำร้ายร่างกาย
เมื่อถามว่าทำไมผู้ต้องหาถึงทิ้งศพ ไว้ 1 คืน ก่อนที่จะกลับมาหั่นนั้น พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า ผู้ต้องหาตกใจและไม่รู้จะจัดการศพอย่างไรจึงทิ้งไว้ อีกทั้งศพเริ่มที่จะแข็งตัวจึงใช้มีดทำครัวชำแหละศพ เพราะผู้ต้องหาเคยเป็นพ่อครัวมาก่อน จากการตรวจสอบไม่พบผู้ต้องหามีปัญหาทางจิต และไม่พบประวัติก่อเหตุอาชญากรรมมาก่อน ส่วนที่หลังจากนำศพไปทิ้งแล้วกลับมาโพสต์และแชร์ข่าวในเฟซบุ๊กตัวเองนั้นมองว่าเป็นการกลบเกลื่อน
ภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดเกิดเหตุ โดยจุดแรกที่ดีดี แมนชั่น ภายในห้องเลที่ 4319 ชั้น 3 อาคาร 4 ซึ่งผู้ต้องหาได้ทะเลาะกับผู้ตาย จนเมื่อผู้ตายเผลอจึงได้ใช้ค้อนทุบจนสลบ เมื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะและใช้ค้อนกระหน่ำทุบอีกครั้งจนเสียชีวิต ก่อนทิ้งศพไว้ 1 วัน หลังจากนั้นได้ลากศพไปในห้องน้ำแล้วใช้มีดชำแหละเริ่มจากข้อเท้าซ้ายไล่ขึ้นมาก่อนนำชิ้นส่วนศพใส่ถุงที่เตรียมไว้ สำหรับบรรยากาศการทำแผนฯ มีการดูแลรักษาความปลอดภัยจากตำรวจและทหารเพื่อป้องกันฝูงชนเข้ารุมประชาทัณฑ์จากฝูงชนที่มามุงดูกว่า 1 พันคน โดยระหว่างที่ผู้ต้องหาลงและขึ้นจากรถก็มีเสียงโห่สาปแช่งผู้ต้องหาเป็นระยะ
จากการสอบปากคำผู้ที่พักในอาคารดังกล่าว เคยเห็นคนร้ายและผู้ตายอาศัยอยู่ด้วยกันในช่วงเดือน มี.ค. 2561 โดยระหว่างที่อยู่ด้วยกันนั้นได้ยินเสียงทะเลาะในห้องดังกล่าวบ่อยครั้ง ก่อนที่เดือน เม.ย.ทางผู้ตายได้ย้ายออกไป สำหรับผู้ต้องหาปกตินั้นไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทำงานมาก็พักอยู่ในห้องเงียบๆ
สำหรับจุดที่ 2 คือ บริเวณพงหญ้าระหว่างซอยสามวา 27-29 โดยจุดนี้ผู้ต้องหาขี่จักรยานยนต์นำชิ้นส่วนศพไปทิ้ง มีประชาชนรวมทั้งเพื่อนคนตายยืนดูการทำแผนฯ เป็นจำนวนมาก มีกาคพูดจาสาปแช่งคนร้าย โดยตำรวจได้กันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากจุดเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ระหว่างทำแผนฯ ก็มีเหตุชุลมุน เนื่องจากเพื่อนผู้ตายพยายามบุกเข้ามาทำร้ายผู้ต้องหา แต่ถูกตำรวจกันออกไปอย่างทุลักทุเล ทางตำรวจจึงรีบทำแผนฯ ให้เสร็จสิ้น ก่อนเร่งพาตัวผู้ต้องหาคุมตัวเร่งกลับ สน.มีนบุรี ทันที
ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.กล่าวว่า วันนี้การทำแผนฯ ถือว่าเรียบร้อยดี แม้จะมีประชาชนบางส่วนพยายามเข้ามารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา แต่การทำแผนฯ ถือว่าสมบูรณ์ มีการชี้จุดนำชิ้นส่วนใส่ในกระเป๋าก่อนนำมาโยนทิ้งไว้ที่จุดเกิดเหตุ จากนี้จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเบิกตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและพยานหลักฐานทั้งหมดนั้นมัดตัวผู้ต้องหาว่าเป็นลงมือก่อเหตุจริง ช่วงก่อนเที่ยงของ วันที่ 25 มิ.ย.นั้น ตำรวจจะคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อฝากขังต่อไป