MGR Online - นักธุรกิจสาวร้องกองปราบปราม ลูกชายถูกตำรวจสายสืบ สภ.บางกรวย ซ้อมน่วมเพื่อให้รับสารภาพเป็นแก๊งลักจักรยานยนต์ หลังเกิดเหตุตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขอเจรจาไกล่เกลี่ย ขอจ่ายเงินเป็นค่าเสียหาย แต่สุดท้ายถูกเบี้ยว
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม นางรัชนก ศรีทองแท้ อายุ 43 ปี นักธุรกิจ พร้อมด้วยนางธิติมา บัวขาว อายุ 40 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล สว.กก.2 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางกรวย ที่จับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ลูกชายของนางธิติมาแล้วทำร้ายร่างกายโดยกล่าวหาว่าเป็นแก๊งลักจักรยานยนต์
นางรัชนกกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค. 2560 ขณะที่ลูกชายได้ชักชวนเพื่อนมาจัดงานวันเกิดที่บ้านพักของตนใน ต.บางศรีเมือง อ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี กระทั่งเวลาเกือบเที่ยงคืนงานเลี้ยงจึงเลิก ต่อมาได้รับแจ้งจากลูกชายว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเต็มหน้าบ้าน ตนจึงรีบมาดูเหตุการณ์ จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามและฝ่ายสืบสวนของ สภ.บางกรวย โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าได้ติดตามแก๊งลักจักรยานยนต์มาและมีข้อมูลว่ารถที่ถูกโจรกรรมได้ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังนำตัวบุตรชายลงมาจากรถตำรวจโดยอ้างว่าสามารถจับกุมตัวบัตรชายได้ที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน
นางรัชนกกล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอเข้าตรวจค้นบ้านของตน ตนยอมให้เข้าไปได้เพียงคนเดียวเนื่องจากไม่มีหมายค้น สุดท้ายเจ้าหน้าที่เจรจาให้ตนนำจักรยานยนต์ทุกคันภายในบ้านออกมาตรวจสอบ ผลปรากฏว่าไม่มีรถคันใดผิดกฎหมาย มีเพียงรถที่เพื่อนลูกชายนำมาฝากไว้แต่ก็ได้นำเอกสารไปยืนยันในช่วงเช้า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวเพื่อนและลูกชายตนรวม 4 คนไปสอบปากคำที่ สภ.บางกรวย กระทั่งรุ่งเช้าตนและแม่ของเด็กก็เดินทางไปที่ สภ.บางกรวย เพื่อติดตามความคืบหน้า เมื่อไปถึงมีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งเข้ามาแจ้งว่าจะปล่อยตัวเด็กทั้งหมดพร้อมอ้างว่าเป็นเหตุการณ์เข้าใจผิดจึงไม่มีดำเนินคดีต่อบุคคลใด
ด้านนางธิติมากล่าวว่า หลังจากรับลูกชายกลับบ้านพบว่าตามร่างกายรวมถึงใบหน้าของลูกชายมีรอยฟกช้ำ จึงได้สอบถามลูกชายทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายเกือบตลอดทั้งคืน มิหนำซ้ำยังจับลูกชายกดกับพื้นแล้วนำถุงพลาสติกคลุมหัวเพื่อให้รับสารภาพ ตนจึงได้พาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และแจ้งความเอาผิดต่อกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว โดยในเวลาต่อมาได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ว่าเรื่องได้ถูกส่งมารอการพิจารณาแล้ว แต่ในระหว่างการดำเนินคดีทางตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ สภ.บางกรวย ได้มีการนัดเจรจาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ย โดยจะจ่ายเงินเป็นค่าเสียหายให้ แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้ทำตามที่ตกลงกันจึงตัดสินใจที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพร้อมทั้งแนะนำให้ทางผู้เสียหายไปดำเนินคดีต่อได้ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เนื่องจากเป็นหน่วยงานโดยตรงและเรื่องได้ถูกส่งไปพิจารณาที่หน่วยงานดังกล่าวแล้ว