ตำรวจพบอดีตพระพรหมดิลก โอนโฉนดที่ดินวัดเป็นชื่อของตัวเอง ส่วนสำนวนคดีคาดส่งฟ้องเป็นรายวัดก่อนสิ้นเดือนนี้
วันนี้ (13 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกรณีคดีทุจริตเงินอุดหนุน วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร, วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, วัดสามพระยาวรวิหาร ว่าขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนพบข้อมูลในส่วนของวัดสามพระยาเพิ่มเติม โดยพบว่าโฉนดที่ดินหลายแปลงที่ปรากฏชื่อของอดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยาฯ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน เป็นผู้ถือครองโดยหนึ่งในนั้นมีที่ดินใน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ หรือวัดหลวงพี่แซม ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยเนื่องจากตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าที่ดินแปลงนี้ได้มาจากสีกาคนหนึ่งที่บริจาคให้แก่วัดสามพระยาฯ เมื่อปี 2538 ครั้งที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เป็นเจ้าอาวาสวัด ต่อมาอดีตพระพรหมดิลกเข้าเป็นเจ้าอาวาส ก็มีการไปทำเรื่องโอนโฉนดมาเป็นชื่อของตัวเอง โดยทางเจ้าหน้าที่จะลงตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าที่มาของการโอนชื่อที่ดินแปลงดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าของสำนวนคดีทั้ง 3 วัด ทางพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบข้อมูลหลักฐานต่างๆ คาดว่าจะสรุปสำนวนเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้และจะทยอยส่งฟ้องเป็นรายวัด ทั้งนี้ ในส่วนของวัดสามพระยาฯกับวัดสัมพันธวงศารามฯ จะสรุปสำนวนเสร็จก่อน เหลือเพียงวัดสระเกศฯ ที่มีข้อมูลหลักฐานค่อนข้างมาก คาดว่าจะใช้เวลานานกว่าวัดอื่น อย่างไรก็ตาม หลังจากส่งสำนวนฟ้องเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วทางพนักงานสอบสวนยังคงต้องคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดต่อไป เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ส่วนการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธีนั้น แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ทางการประเทศเยอรมนียังไม่มีคำตอบกลับมาว่าจะส่งมอบตัวอดีตพระพรหมเมธีให้ทางตำรวจไทยหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.นำคณะเดินทางไปประสานงานกับตำรวจสากลที่ประเทศฝรั่งเศส โดยได้ใช้ช่องทางตำรวจสากลในการติดต่อกับตำรวจเยอรมนีเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหารายนี้กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด