MGR Online - เจ้าของผลิตภัณฑ์ “เมจิก สกิน” พร้อมสามี เข้ารายงานตัวต่อศาล ก่อนถูกปล่อยตัวหลังครบฝากขังครั้งที่ 4 เหตุอัยการเลื่อนสั่งคดีเนื่องจากสำนวนการสอบสวนไม่สมบูรณ์ ต้องสอบเพิ่มประเด็นสารประกอบและสรรพคุณเครื่องสำอางอวดอ้างเกินจริงอย่างไร
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นางวรรณภา พวงสน อายุ 34 ปี หัวหน้าทีมและเจ้าของบริษัท เมจิก สกิน จำกัด และนายกร พวงสน อายุ 37 ปี สามี ผู้ดูแลการเงิน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน บริษัท เมจิก สกิน จำกัด เดินทางมารายงานตัวต่อศาลหลังครบกำหนดฝากขัง 4 ผัด รวม 48 วัน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงต้องเดินทางมารายงานตัวต่อศาลในวันนี้ โดยทั้งสองได้รับการประกันตัวจากศาล
สำหรับคดีนี้ เป็นคดีที่พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป.ส่งสำนวนการสอบสวน 2 ลัง พยานเอกสารหลักฐาน 6,932 แผ่น ที่มีผู้เสียหายรวม 145 คน มูลค่าความเสียหาย 113 ล้านบาทเศษ พร้อมความเห็นสมควรฟ้องผู้ต้องหารวม 6 ราย ประกอบด้วย บริษัท เมจิก สกิน จำกัด โดยนายกร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 1, นายกร พวงสน อายุ 37 ปี ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2, นางวรรณภา พวงสน อายุ 34 ปี (ภรรยาของนายกร) ผู้ต้องหาที่ 3, น.ส.ตรีชฎา หรือส้ม ใจสบาย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ 4, บริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด ผู้ต้องหาที่ 5 และ น.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ อายุ 33 ปี ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 6 ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
โดยผู้ต้องหาที่ 1-4 ถูกกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือข้อมูลที่เป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม รับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม ส่วนผู้ต้องหาที่ 5-6 แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันรับจ้างผลิตเครื่องสำอางโดยไม่แจ้งรายละเอียดเครื่องสำอางตามที่จดแจ้ง, เป็นผู้รับจ้างผลิตฉลากที่มีข้อมูลซึ่งอาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดในสาระสำคัญที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง และรับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม
โดยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา อัยการได้เลื่อนการสั่งคดีนี้ออกไปเป็นวันที่ 12 ก.ค.นี้ เนื่องจากต้องให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นตรวจหาสารประกอบและสรรพคุณที่ชี้ให้อัยการเห็นว่าเครื่องสำอางดังกล่าวนั้นมีการอวดอ้างเกินจริงอย่างไร เพราะเป็นสาระสำคัญทางคดี โดยนายกรและนางวรรณภา ที่ได้ประกันตัวในชั้นฝากขัง เมื่อครบกำหนดฝากขังผัดที่ 4 อัยการสั่งคดียังไม่แล้วเสร็จจึงต้องทำหนังสือแจ้งไปยังศาลเพื่อขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปก่อน และนัดผู้ต้องหาทั้งหมดให้มาฟังการสั่งคดี วันที่ 12 ก.ค.นี้
สำหรับ น.ส.ตรีชฎา และ น.ส.ปาจรีย์ ได้รับการประกันตัวไปในชั้นพนักงานสอบสวนจะต้องมาฟังการสั่งคดีในวันเดียวกัน ส่วนนายกรและนางวรรณภาเมื่อพ้นอำนาจควบคุมตัวฝากขังชั้นศาลแล้ว ถ้าอัยการสั่งฟ้องก็จะแจ้งพนักงานสอบสวนให้ตามตัวมาฟ้องต่อไป ทั้งนี้ ไม่ใช่อัยการสั่งไม่ฟ้องและไม่ใช่คดีขาดอายุความฟ้อง แต่เป็นการควบคุมครบระยะเวลาตามกฎหมาย โดยที่การพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อนตามที่กฎหมายกำหนด อัยการยังไม่ได้ยุติคดี แต่เป็นการสั่งสอบเพิ่มเติมเพื่อความรอบคอบ
ภายหลังจากที่นางวรรณภาและนายกร สามีภรรยาเดินทางมารายงานตัวและรับเงินประกันตัวคืนจากศาลหลังครบฝากขังผัด 4 แล้วได้เดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้ข้อหาหลักคือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา96 ดังนั้นการที่ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาจนครบกำหนดฝากขัง 4ผัด และต้องปล่อยตัวไปพลางก่อน เนื่องจากคณะทำงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น จึงยังไม่สามารถสั่งคดีได้ในช่วงฝากขังผู้ต้องหา
อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมแล้วเสร็จ และส่งผลสอบเพิ่มเติมกลับมา หากคณะทำงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า สำนวนคดีมีความสมบูรณ์มีหลักฐานพอฟ้อง ก็จะมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา และให้พนักงานสอบสวนติดต่อนำตัวผู้ต้องหามาพบอัยการเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป