MGR Online - นักธุรกิจชาวสิงคโปร์โร่แจ้งความจับอดีตนายทหารยศพลโท ยักยอกเงินร่วมลงทุนเปิดบริษัทซื้อขายทอง หลังโอนเงินมาให้ตั้งบริษัทกลับหายหน้า-บ่ายเบี่ยง ตรวจสอบการเงินของบริษัทไม่ได้
วันนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ นายหว่อง จี่เหม็ง หรือจิมมี่ อายุ 43 ปี นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ พร้อมด้วยนายสมยศ ผ่องศรี ทนายความ นำหลักฐานเอกสารเข้าพบ พ.ต.ท.ชัยพร นิตยภัตร์ สว.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่ออดีตนายทหารยศพลโทนายหนึ่งในข้อหายักยอกทรัพย์ หลังร่วมลงทุนเปิดบริษัทซื้อขายทองแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด
นายจิมมี่เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงปลายปีที่ผ่านมามีคนแนะนำให้ตนเองรู้จักกับพลโทนายหนึ่ง จากนั้นได้คุยกันในเรื่องการลงทุนทำธุรกิจ ครั้งแรกนายพลคนนี้ชักชวนให้ตนร่วมลงทุนเกี่ยวกับโครงการของทางรัฐบาลไทยโดยส่งเอกสารมายังตนเองดู ขณะนั้นตนไม่ได้สนใจร่วมลงทุนเนื่องจากเอกสารที่นำมาดูไม่เหมือนกับเอกสารแบบทางการจึงได้ปฏิเสธไป ต่อมานายพลคนเดิมก็ชักชวนให้ร่วมลงทุนค้าขายทองที่ประเทศแทนซาเนีย ตนสนใจจึงสอบถามว่ามีการจัดตั้งรูปแบบบริษัทแล้วหรือไม่อย่างไร ทางนายพลจึงบอกกับตนว่าขณะนี้ยังไม่มีการจัดตั้ง ก่อนจะร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยโอนเงินในการจัดตั้งบริษัทจำนวน 100,000 บาท จากนั้นได้โอนเงินอีกครั้งจำนวน 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ เวลา 08.21น.ของวันที่ 24 เม.ย. จากประเทศสิงคโปร์เข้ายังบัญชีธนาคารยูโอบี สาขาสาทรใต้ ซึ่งเป็นบัญชีบริษัทดังกล่าว
หลังจากลงทุนไปแล้วตนก็พยายามติดต่อนายพลคนนี้เพื่อทวงถามผลการดำเนินการ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่ามีปัญหาบางอย่างไม่สามารถโอนเงินให้ได้ จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกจึงเชื่อว่าถูกหลอกให้ร่วมลงทุนอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความและขอความเป็นธรรม
“เมื่อวานนี้พยายามที่จะติดต่ออีกครั้งเพื่อขอตรวจสอบระบบการเงินของบริษัทดังกล่าวที่ธนาคาร แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากต้องมีคนไทยร่วมลงชื่อในการขอดูข้อมูลการเงินจึงเชื่อว่าถูกหลอกแล้ว ยอมรับว่าเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเป็นการลงทุนครั้งแรกกับประเทศไทย แต่กลับต้องเจอแบบนี้” นายจิมมี่กล่าว
พ.ต.ท.ชัยพรเปิดเผยว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบแล้ว หลังจากนี้จะต้องสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่วนทางทนายความของผู้แจ้งนั้นมีความประสงค์แจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ก็จะต้องตรวจสอบว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข้อหาดังกล่าวหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อนแจ้งข้อหาดำเนินการต่อไป