MGR Online - ผู้เสียหายกว่า 10 ราย แจ้งจับอดีตพนักงานธนาคารอ้างตัวเป็นร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ ใช้กลอุบายหลอกลวงเอาทรัพย์สินของเหยื่อไปรวมนับ 10 ล้านบาท พบประวัติแสบมีหมายจับติดตัวอีก 3 หมาย
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ และประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานายก้าวหน้า ศรีสวัสดิ์ อายุ 38 ปี ชาว กทม. อาชีพนายหน้าซื้อขายคอนโดมิเนียม และผู้เสียหายอีกกว่า 10 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เพื่อร้องขอให้มีการดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อนายต่อศักดิ์ พักวัด อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ หลังมีพฤติการณ์อ้างตัวเป็นร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ ใช้กลอุบายหลอกลวงเอาทรัพย์สินของเหยื่อไปรวมนับ 10 ล้านบาท
นายก้าวหน้ากล่าวว่า รู้จักกับนายต่อศักดิ์เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านกัน ต่อมานายต่อศักดิ์ได้อ้างตัวว่าเป็นร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ พร้อมกับทักว่าออฟฟิศของตนเองต้องปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยความที่ตนมีความเชื่อทางด้านนี้อยู่แล้ว ประกอบกับในช่วงนั้นกิจการกำลังแย่จึงลองทำตามคำแนะนำ ปรากฏว่ากิจการดีขึ้นจริงและมีลูกค้าเพิ่มขึ้น จึงได้มีการพูดคุยปรึกษาปัญหาชีวิตกันบ่อยขึ้น ต่อมานายต่อศักดิ์จะมาอ้างกับตนว่าทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง พร้อมกับชักชวนให้ตนนำเงินมาฝากกับธนาคารโดยอ้างว่ามีโครงการฝาก 1 แสนบาท กู้ได้ 1 ล้านบาท แต่ต้องดำเนินการผ่านนายต่อศักดิ์ ตนจึงหลงเชื่อยอมทำตาม
นายก้าวหน้ากล่าวต่อว่า จากนั้นตนได้ไปตรวจสอบกับทางธนาคารกลับพบว่าไม่มีการนำเงินมาทำธุรกรรมการเงินดังกล่าวและตัวนายต่อศักดิ์เองนั้นปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นพนักงานของทางธนาคารแล้วเนื่องจากถูกไล่ออกหลังมีพฤติกรรมฉ้อโกง จากนั้นตนจึงรีบไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม เมื่อเดือนที่ผ่านมา กระทั่งต่อมาตนได้ทราบข่าวในภายหลังว่านายต่อศักดิ์ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง จากการไปหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่น ปัจจุบันถูกศาลสั่งจำคุกไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และยังมีหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันนี้ติดตัวอีก 3 หมายจับ
ด้านนางเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า รู้จักนายต่อศักดิ์เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กัน จึงได้ไปปรึกษาเรื่องหลานมีอาการป่วยที่ผิดปกติรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย นายต่อศักดิ์จึงได้อ้างว่าเป็นร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ สามารถช่วยให้หลานตนหายจากอาการป่วยได้ ต้องมีการทำพิธีกรรมสวดคาถาสะเดาะเคราะห์ และในแต่ล่ะครั้งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2 หมื่นบาท ตนหลงเชื่อจ่ายเงินไปหลายครั้งเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท อาการป่วยของหลานก็ยังไม่ดีขึ้นตามที่กล่าวอ้าง ก่อนจะมารู้ภายหลังว่าร่างทรงรายนี้เป็นเพียงนักต้มตุ๋นเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ก่อนจะเตรียมประสานส่งต่อไปยังตำรวจท้องที่ต่างๆ ตามหมายจับเพื่อดำเนินการอายัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
