MGR Online - “ไพบูลย์ นิติตะวัน” พร้อมทีมทนายอดีตพระพุทธะอิสระเข้าเยี่ยมอาการป่วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ยืนยันไม่ขอประกันตัว รอให้สำนวนส่งฟ้องศาล เตรียมสารภาพใช้ตราพระปรมาภิไธย แต่ขอสำนักราชเลขาธิการแล้ว ด้าน ผบ.เรือนจำเผยยังไม่แยกดูแลพิเศษ พบอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสามพระยา หัวใจเต้นผิดปกติ ต้องส่งตรวจ ขณะที่อดีตพระ 6 รายไม่กินข้าวเย็น
วันนี้ (28 พ.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิก สปช. พร้อมนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทีมทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระ เดินทางเข้าเยี่ยมอดีตพระพุทธะอิสระภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังเจ้าหน้าที่ส่งตัวมารักษาพยาบาลจากอาการป่วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และเพื่อสอบถามในเรื่องคดีความ
นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบว่าอดีตพระพุทธะอิสระมารักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงเดินทางมาเยี่ยม แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าได้กลับไปพักภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครแล้ว โดยในวันที่ 30 พ.ค.นี้จะเข้ามาเยี่ยมใหม่อีกครั้งเพื่อหารือในประเด็นต่างๆ
ด้านนายธีรยุทธเปิดเผยว่า ขณะนี้อดีตพระพุทธะอิสระยืนยันไม่ขอประกันตัวรอให้สำนวนส่งฟ้องศาล โดยท่านจะยอมรับสารภาพความจริงในสิ่งที่กระทำ ซึ่งข้อหาปลอมพระปรมาภิไธยนั้นท่านได้ขอพระบรมราชานุญาตผ่านทางสำนักราชเลขาธิการ แต่ที่เอกสารไม่มีลายลักษณ์อักษรเป็นเรื่องลูกศิษย์ดำเนินการและให้การภาคเสธ ส่วนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ได้ให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ยังฝากขอให้พนักงานสอบสวนทำตามกระบวนการยุติธรรม
นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกรณีอาการป่วยของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ หลังพบเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทว่า วันนี้ทางเรือนจำได้ประสานแพทย์จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เข้าตรวจอาการของนายสุวิทย์ เพื่อประเมินอาการว่าจะต้องรักษาดูแลอย่างไร และมีความจำเป็นต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ แต่เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่ได้มีการแยกตัวนายสุวิทย์ไปดูแลเป็นพิเศษ และย้ายไปคุมขังยังแดน 4
นอกจากนี้ยังพบว่าอดีตพระอรรถกิจโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสามพระยา เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพ มีอาการป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดปกติ จึงนำตัวมาให้แพทย์ตรวจอาการด้วยเช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับอดีตพระพุทธะอิสระได้แยกการคุมขังออกจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เพื่อลดการเผชิญหน้า แต่ในส่วนอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 ราย ได้กระจายไปคุมขังยังแดนต่างๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งทั้งหมดยังทำกิจวัตรส่วนตัวตามปกติ มีการรับประทานอาหารเช้าและกลางวันที่เรือนจำจัดให้ แต่มื้อเย็นผู้ต้องขังทั้ง 6 ราย ไม่รับประทานอาหาร