ปฏิบัติการต่อเนื่อง กวดขันจับกุมชาวต่างชาติแฝงตัวมาก่ออาชญากรรมในคราบนักท่องเที่ยว เผย ตรวจค้นแล้ว 3,372 เป้าหมาย จับกุมผู้กระทำความผิดได้ ทั้งหมด 1,088 ราย
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 4 พ.ค. ที่ สน.ห้วยขวาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว, เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191, หน่วยอรินทราช 26, หน่วยรบพิเศษสยบไพรี จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน ในยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่ 10 เพื่อกวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศไทย และมาก่ออาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมี เป้าหมายในการตรวจสอบจำนวนทั้งสิ้น 129 เป้าหมาย ทั่วประเทศ อาทิเช่น โรงเรียนนานาชาติ, สถาบันสอนภาษา, โรงเรียนสามัญ, เป้าหมายอื่นๆ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 67ราย ใน 3 ข้อหา คือ ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต” มีสัญชาติลาว, อินเดีย, เวียดนาม, รัสเซีย และ เมียนมา ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ประกอบไปด้วย เมียนมา, กัมพูชา, ลาว, อินเดีย, เวียดนาม เซียร์ราลีโอน และจับกุมในข้อหาอื่นๆ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ร่วมกัน บรูณาการกำลังปฏิบัติยุทธการมากว่า 1 ปี ปฏิบัติงานตรวจค้นจับกุมกว่า 24 ครั้ง ตรวจค้น 3,372 เป้าหมาย จับกุมผู้กระทำความผิดได้ ทั้งหมด 1,088 รายนั้น พบว่า ชาวต่างชาติผิวสีที่จะเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมลดลง ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้ก็เป็นการปฏิบัติตามยุทธการอย่างต่อเนื่อง โดยบรูณาการกำลังจากหน่วยต่างกว่า 1,200 นาย เข้าตรวจค้นแหล่งที่พักที่เที่ยว ที่ทำงาน ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง จำนวน 129 เป้าหมาย ทั่วประเทศ ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้นั้นจะทำการเก็บหลักฐาน ทั้งลายนิ้วมือ ตรวจดีเอ็นเอ ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทำการเพิกถอนวีซ่า และขึ้นบัญชีดำเพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอีก นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ต่างชาติผิวสีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมีปริมาณที่น้อยลง ส่วนใหญ่จะย้ายถิ่นฐานไปอาศัยตามปริมณฑล และอีกสิ่งที่เจ้าหน้าที่อยากจะเตือนโรงเรียนนานาชาติที่เป็นแหล่งที่มิจฉาชิพอาศัยเป็นแหล่งเปลี่ยนวีซ่าท่องเที่ยว เป็น Non ED Visa หรือวีซ่านักเรียน เพื่อเพิ่มระยะเวลาที่จะอยู่ในประเทศ เพราะหากพบว่าสถาบันการศึกษามีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิด โดยหลังจากนี้จะทำการประชุมหากับสำนักงานศึกษาธิการเพื่อหารือแนวทางช่องว่างทางกฎหมายอีกด้วย