ศาลอาญายกคำร้องฝากขัง “รังสิมันต์ โรม - อานนท์ - จ่านิว - ปกรณ์” กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จัดม็อบชุมนุมหน้ากองทัพบก ชี้ ผู้ต้องหาเข้าพบให้ความร่วมมือดี ไม่กระทบกับการสอบสวน
เมื่อเวลา 13.40 น. วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม คุมนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อายุ 24 ปี, นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี, นายอานนท์ นำภา อายุ 33 ปี และ นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 - 4 แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง มายื่นฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 - 12 พ.ค. นี้ ในคดีจัดการชุมนุมเดินขบวนเรียกร้องการเลือกตั้งและขับไล่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ตัดต่อภาพ
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 เวลาประมาณ 16.10 น. ที่สนามฟุตบอล ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ผู้ต้องหาได้อ่านแถลงการณ์เปิดชุมนุม ปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และ คสช. ว่า มีการทุจริต ใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรม การเลื่อนการเลือกตั้ง พร้อมชักชวนประชาชนออกมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล และ คสช. ต่อมาได้เคลื่อนขบวนปราศรัยปลุกระดมไปหน้ากองบัญชาการกองทัพบก มียอดผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 350 คน การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558, ไม่ดูแลชุมนุมสาธารณะไม่ให้ขัดขวางเกินสมควรฯ, ไม่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมฯ, ร่วมกันเป็นผู้ชุมนุมก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนฯ, เดินขบวนเคลื่อนย้ายการชุมนุมระหว่างเวลา 18.00 - 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และไม่เลิกการชุมนุมสาธารณะในระยะเวลาที่แจ้งฯ ตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558, ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 และเดินขบวนกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีในฐานความผิดเดียวกันแล้วถึง 2 ครั้ง ที่ สน.ปทุมวัน และ สน.นางเลิ้ง เกรงว่า จะไปยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน และยังมีพฤติการณ์นัดหมายชุมนุมอีกในวันที่ 5 พ.ค. 2561 อาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนและคำร้องคัดค้านฝากขังของผู้ต้องหาแล้ว ให้ยกคำร้องฝากขัง เห็นว่า ผู้ต้องหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ให้ความร่วมมือดีเป็นอย่างดี และ ไม่กระทบกับการสอบสวน ผู้ต้องหาจึงได้รับการปล่อยตัวทันที
