MGR Online - “ไพบูลย์” หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป นำผู้เสียหายสหกรณ์คลองจั่นฯ 412 ราย ฟ้อง “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” ฐานฉ้อโกงประชาชน เสียหายร่วม 1,115 ล้านบาท ชี้คดีนี้ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องร้องคดีอาญาได้โดยตรง
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.นวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ กับพวกรวม 412 คน ผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พร้อมผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,115 ล้านบาท
นายไพบูลย์เปิดเผยว่า ประชาชนผู้เสียหายจากกรณีสหกรณ์คลองจั่นฯ มาร้องทุกข์มอบอำนาจให้ตนดำเนินการฟ้องคดีเอาผิดกับสหกรณ์คลองจั่นฯ และนายศุภชัย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนต่อศาลอาญา ซึ่งจากคำฟ้อง จำเลยได้ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรจะแจ้งกับโจทก์ แสดงข้อความอันเป็นเท็จอย่างน้อย 4 ประการ คือ 1. มีการอ้างว่าตนเองเป็นธนาคาร เผยแพร่โบชัวร์ เอกสารว่าเป็นธนาคารเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นธนาคาร 2. มีการตกแต่งบัญชี ซึ่งมีหลักฐานเป็นการนำเอกสารโดยหน่วยงานของรัฐไปแสดงต่อศาลปกครองว่าจำเลยได้มีการตกแต่งบัญชี ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง 3. จำเลยทราบอยู่แล้วว่าตนเองมีปัญหา ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสหกรณ์ดีเลิศ แต่ยังนำเรื่องที่ตนได้รับรางวัลสหกรณ์ดีเลิศมาโฆษณาปกปิดข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนหลงเชื่อเอาเงินไปให้กับสหกรณ์คลองจั่นฯ ซึ่งศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยไว้ว่าสหกรณ์คลองจั่นฯ ไม่สมควรที่จะได้รางวัลดีเลิศ และ 4. จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญายืมเงินสำรองจากประชาชนผู้เสียหายไปกว่า 2,700 ล้านบาท ด้วยเอกสารใบเดียว เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงว่าสหกรณ์มีปัญหา
นายไพบูลย์กล่าวต่อไปว่า ศาลอาญาได้นัดไต่สวนคดีนี้ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ แม้ว่าปัจจุบันประชาชนผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนจากสหกรณ์คลองจั่นฯ แต่ได้คืนน้อยมาก ประชาชนที่ได้สะสมเงินไปฝากเป็นหุ้นไว้ ได้รับเงินคืนจนถึงขณะนี้เพียง 3% ของเงินที่เสียหายเท่านั้น และมีโอกาสที่จะไม่ได้อีก จึงน่าเป็นห่วงมาก ส่วนประชาชนที่ฝากเป็นเงินสะสมทรัพย์ เสียหายไปตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบันเพิ่งได้คืนเพียง 10% และมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้อีก ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่นำเงินมาฝากไว้ใช้ยามเกษียณ แต่กลับมาโดนปัญหานี้ ไม่สามารถหาหนทางอื่นที่จะเยียวยาได้ จึงมาฟ้องต่อศาลอาญาให้ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้อัยการฟ้องนายศุภชัยฐานฉ้อโกงต่อศาลอาญาแล้ว จะเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการฟ้องสหกรณ์คลองจั่นฯ ฐานฉ้อโกงประชาชน อัยการไม่ฟ้องสหกรณ์คลองจั่นฯ คดีที่ดำเนินการอยู่ในศาลอาญาเป็นคดีที่อัยการฟ้องนายศุภชัยกับพวก 11 คน ฐานฉ้อโกง แต่วันนี้ 412 คน เป็นผู้เสียหายโดยตรง มีสิทธิจะดำเนินคดีอาญาต่อศาลได้ด้วยตัวเอง ตนก็ดำเนินการตามที่ได้รับมอบอำนาจ เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งใจไว้ว่าจะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ ส่วนการฟ้องศาลแพ่งนั้น สหกรณ์คลองจั่นฯ ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย จึงไม่สามารถนำคดีไปฟ้องแพ่งต่อสหกรณ์คลองจั่นฯ ได้
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า การฟ้องในคดีอาญาก่อนเพื่อให้ผลชัดเจน จากนั้นจึงนำไปดำเนินการเพื่อหาทางช่วยเหลือประชาชนต่อไป กรณีนี้นายศุภชัยใช้สหกรณ์คลองจั่นฯ เป็นเครื่องมือ ซึ่งขัดต่อหลักข้อเท็จจริงทางกฎหมาย เพราะประชาชนไปฝากเงินกับสหกรณ์คลองจั่นฯ เอาเงินไปให้เพราะสหกรณ์คลองจั่นฯ ไปโฆษณาชวนเชื่อ ปกปิดข้อเท็จจริง ทุกอย่างเป็นการกระทำของสหกรณ์คลองจั่นฯ ที่ทำให้ประชาชนเสียหาย นายศุภชัยเป็นผู้ดำเนินการแทน ตัวการจริงๆ คือสหกรณ์คลองจั่นฯ