จับแล้ว “หนึ่ง หรือเบียร์” มือยิงเหตุกลุ่ม อพปร.วิวาทกลุ่มมูลนิธิฯใน รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล

MGR Online - บช.น. แถลงผลจับกุม 3 คดี ประกอบด้วย คดีลักรถ จยย. ในพื้นที่ สน.เตาปูน พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ 10 คัน คดีหนุ่มอ้างบันดาลโทสะใช้อาวุธมีดแทงคู่อริดับในพื้นที่ สน. พื้นที่ สน.มีนบุรี และคดีสุดท้ายจับกุมหนึ่ง หรือ เบียร์ กลุ่ม อพปร. และกลุ่มมูลนิธิร่วมกตัญญู ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในรพ.เซ็นทรัลเยนเนรัล เหตุแย่งผู้ได้รับบาดเจ็บ



วันนี้ (23 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เสนิต สําราญสํารวจกิจ ผบก.น.1 พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.อ.สมเกียรติ สนใจ ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.มีบุรี พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.ดุสิต ร่วมกันแถลง 3 คดี ประกอบด้วย 1. คดีแก๊งลัก จยย. 2. คดีทำร้ายร่างกาย และ 3. คดีทำร้ายร่างกาย อพปร. จนถึงแก่ความตาย

คดีแรกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.เตาปูน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต ร่วมกันจับกุม นายอนิรุต บัวใหญ่ และ นายทินกร อินทศรี 2 ผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์ พร้อมของกลาง รถจักยานยนต์ 10 คัน แยกเป็นยี่ห้อ ยามาฮ่า 1 คัน ยี่ห้อฮอนด้า 9 คัน กุญแจสำหรับล็อกดิสก์เบรก 1 อัน ในข้อหาร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ และได้ทำการหลบหนีมายัง ซ.สนิท ถนนประชาราษฎร์สาย 2 เขตบางซื่อ ก่อนเจ้าหน้าที่จับกุม พร้อมขยายผลจนนำไปสู่การจับกุม นายอาทิตย์ ทองพูน ได้เพิ่มเติม

สืบเนื่องจากตำรวจ สน.บางเขน รับแจ้งจากตำรวจ สน.ดุสิต ว่า ให้ช่วยสกัดจับรถจักรยานยนต์ที่ถูกคนร้ายโจรกรรมไป โดยจากการสืบสวนทราบว่านายอาทิตย์และพวกอีก 2 คน จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและไปดักจับรถจักรยานยนต์จากเด็กวัยรุ่นในเส้นทางที่นัดขี่รถซิ่งกัน ก่อนจะขายรถเหล่านั้นให้กับ นายยอนิรุต และ นายทินกร ในราคาคันละ 1 - 2 หมื่นบาท โดยหลังจากโอนเงินแล้ว นายอาทิตย์จะนำรถไปจอดทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ก่อนนัดหมายให้นายอนิรุตมารับไปขายต่อในราคาที่สูง ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับสารภาพจึงแจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์หรือรับของโจร ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า โดยรถจักรยานยนต์ทั้ง 10 คันนี้ ยังตรวจสอบหาเจ้าของไม่ได้ หากท่านใดเป็นเจ้าของสามารถมาติดต่อรับรถได้ที่ สน.เตาปูน และ สน.ดุสิต ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าเตรียมขยายผลหลังสืบทราบมาว่า รถบางคันซื้อได้เพียงวันเดียวแล้วนำไปจำนำ อาจจะเข้าข่ายแก๊งรับจำนำเพื่อส่งขายต่อเพื่อนบ้านหรือไม่ หรืออีกพฤติการณ์หนึ่งคือดาวน์ฟรีแล้วไม่ผ่อน ก่อนเชิดหนีเอารถขายแก๊งจำนำ

คดีที่สอง ตำรวจ สน.มีนบุรี ร่วมจับกุม นายเอกพงษ์ วะลัยใจ ผู้ต้องหาก่อเหตุทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด ทำให้ นายศรเพรช เยื่อใย เสียชีวิต ขณะที่ นายศุภกร วรรณฤทธิ์ ได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าตนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายศรเพรชก่อนจะบันดาลโทสะใช้มีดทำร้ายร่างกายคู่กรณี ทั้งนี้ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และคดีสุดท้าย สน.บางเขน จับกุม นายกฤษดาพร ชวผลพิพัฒน์ หรือ เตี้ย อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยจับกุมได้พร้อมปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ 9 มม. และกระสุนอีก 23 นัด และ แม็กกาซีน อีก 2 อัน

สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทและมีการใช้ปืนยิงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านภายในศอยรามอินทรา 5 แยก 58 หมู่บ้านอนันต์สุขสัน 18 - 19 - 20 เขตบางเขน เมื่อตรวจสอบพบนายณัฐพงษ์ รอดอินทร์ อายุ 35 ปี และ นายคณิต รอดอินทร์ อายุ 32 ปี บาดเจ็บจึงนำส่งโรงพยาบาล ก่อนจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในบ้านหลังเกิดเหตุ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ ระบุ มูลเหตุเกิดจาก สองผู้บาดเจ็บต่อว่าตนและลูกชายขณะนั่งดื่มกินอยู่ในบ้าน ก่อนจะท้าทายกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว

สามารถจับกุม นายหนึ่ง หรือ เบียร์ เลาแก้ว อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธนั้นไปในทางสาธารณะ หลังเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ตำรวจได้รับแจ้งกลุ่ม อพปร. และกลุ่มมูลนิธิร่วมกตัญญู ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใน รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล เพราะแย่งผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์ สืบสวนทราบนายหนึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ จึงขอศาลออกหมายจับกระทั่งตามจับกุมไว้ได้ ที่คอนโดมิเนียม ย่านซอยเพิ่มสิน

ขณะที่ พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จริงแล้วตามกติการชัดเจนไว้อยู่แล้ว ใครมาถึงก่อนมีสิทธิก่อน ตอนนี้อาจจะมีน้องๆ เจ้าหน้าที่บางคนที่ยังผ่านการอบรมไม่พอและไม่ทราบกติกา โดยมีการยื้อแย่งกันจึงทำให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาท ซึ่งทาง ผกบ.น.2 ได้มีการมาเรียกทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ตนเชื่อว่า ทุกมูลนิธิมีความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อสาธารณะประโยชน์อยู่แล้ว