MGR Online - รอง ผบช.ทท.นำกำลังจับกุมแก๊งฉ้อโกง ปชช.นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีพฤติการณ์เปิดบริษัทลวงนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 33 คนไปเที่ยวเมืองโอซากา และตุรกี สุดท้ายไม่สามารถนำลูกทัวร์ไปได้ มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท
วันนี้ (19 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) พร้อมตำรวจ 191 แถลงผลการจับกุม นายสนธยา โพธิ์ศรี อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ จ.60/2561 ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และ น.ส.อภิณห์พร พงษ์ปรีชาวงศ์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 796/2561 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สำหรับนายสนธยามีพฤติการณ์เปิดบริษัทนำเที่ยว โดยเจ้าตัวเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทนำเที่ยว ชื่อบริษัท เคพีเอสเวิลด์เซอร์วิส จำกัด ได้นำนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 33 คนไปเที่ยวเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2561 ได้เงินรวมเป็นเงิน 1,184,700 บาท ระหว่างกลุ่มผู้เสียหายเดินทางไปญี่ปุ่น และกำลังท่องเที่ยวไปตามโปรแกรมที่กำหนดไว้นั้น เจ้าของรถบัสนำเที่ยวได้ขอเก็บเงินโดยแจ้งว่าบริษัทฯ ยังไม่จ่ายเงิน จึงขอเก็บเงินกับผู้เสียหาย แต่กลุ่มผู้เสียหายไม่มีเงินให้เพราะจ่ายให้บริษัทนำเที่ยวไปแล้วจึงถูกปล่อยทิ้งไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พร้อมกับถูกยึดสัมภาระและหนังสือเดินทาง กลุ่มผู้เสียหายจึงขอความช่วยเหลือจากตำรวจโอซาก้าช่วยติดตามทรัพย์สินคืน และต้องนำเงินส่วนตัวสำรองจ่ายค่าโรงแรม ค่ารถ ค่าอาหารระหว่างรอกลับประเทศไทย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 134,738.51 บาท ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 กลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางกลับมาประเทศไทยและได้ติดต่อทวงถามค่าใช้จ่ายจากนายสนธยา แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา จนกระทั่งวันที่ 18 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้
ผู้ต้องหาอีกราย คือ น.ส.อภิณห์พร ได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหายรวม 35 คน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อ้างตัวเองว่าเป็นประกอบธุรกิจนำเที่ยว สามารถนำนักท่องเที่ยวไปที่ประเทศตุรกีได้ โดยเสนอโปรแกรมทัวร์ 9 วัน 8 คืน ในราคาคนละ 31,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท กำหนดเดินทางวันที่ 23-31 มีนาคม แต่เมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง ตัวแทนบริษัทได้แจ้งว่าไม่สามารถนำทัวร์ไปประเทศตุรกีได้ เนื่องจากไม่ได้วางมัดจำจองตั๋วไว้ ผู้เสียหายจึงทราบว่าตนเองโดนหลอกจึงได้นัดพูดคุยกับตัวแทนบริษัททัวร์เพื่อขอคืนเงิน แต่ทางแทนบริษัททัวร์ก็บ่ายเบี่ยง จึงมีการแจ้งความดำเนินคดี
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ผ่านมาตำรวจได้ป้องกัน ปราบปราม จับกุมมาโดยตลอด ยืนยันว่าจะไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบลูกทัวร์อย่างเด็ดขาด สิ่งที่เกิดขึ้นบริษัทต้องชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย ต้องปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก พยายามสร้างการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ สำหรับผู้ร่วมกับทำความผิดนอกเหนือจากผู้ต้องหา 2 คนนี้แล้ว คนอื่นที่มีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นคนขายตั๋ว แคชเชียร์ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งตำรวจได้มีข้อมูลบางส่วนแล้ว
“ขอให้บริษัททัวร์ที่มีพฤติกรรมทิ้งทัวร์ขอให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว ตำรวจท่องเที่ยวจะร่วมกับกรมการท่องเที่ยวจับกุมทุกรายและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ฝากเตือนประชาชนก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ให้ตรวจสอบอยากให้เลือกบริษัทนำเที่ยวที่น่าเชื่อถือ มีประวัติการดำเนินการมาอย่างยาวนาน 10-20 ปี และให้สังเกตราคาทัวร์ที่ไม่ถูกจนเกินไป หากไม่มั่นใจให้โทรสอบถามสายด่วนตำรวจท่องเที่ยวหมายเลข 1155” รอง ผบช.ทท.ระบุ