MGR Online - กองปราบปรามตามรวบสาวแสบปลอมเฟซบุ๊ก “แอม-เสาวลักษณ์ ลีละบุตร” ศิลปินนักร้องชื่อดัง หลอกตุ๋นเงินเหยื่ออ้างพาไปทำงานต่างประเทศ มีผู้หลงเชื่อถูกหลอกกว่า 100 ราย สูญเงินนับ 10 ล้านบาท
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ต.พงศ์พิทักษ์ บุญบำรุง สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม น.ส.ปาวีณา สุขฉิม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 669 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 75 แขวงและเขตบางพลัด กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่ จ.183/2560 ลง 4 ก.ค. 2560 ตามความผิดฐานจัดหางานให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งเงินทองหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซอยตลาดสามพราน ต.สามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางปี 2560 น.ส.ปาวีณาได้ปลอมเฟซบุ๊กของ “แอม” เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ศิลปินนักร้องชื่อดัง ก่อนโพสต์ข้อความชวนเชื่อว่าสามารถจัดหาสถานที่ทำงานหรือพาไปทำงานยังต่างประเทศได้ ซึ่งผู้ที่สนใจจะได้รับเงินเดือนประมาณ 8 หมื่นบาท แต่จะต้องจ่ายเงินตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในดำเนินการ แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมายเดินทางไปทำงานผู้ต้องหากลับอ้างว่าติดปัญหาเรื่องเอกสารบางอย่าง ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อถูกหลอกกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมมูลค่าความเสียหายกว่าหลายสิบ ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน น.ส.ปาวีณาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ปลอมแปลงเฟซบุ๊กของนักร้องชื่อดังแล้วทำการโพสต์ข้อความหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าเป็นผู้ทำหน้าที่จัดการเรื่องเอกสารเท่านั้น
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่ามีหมายจับในคดีลักษณะดังกล่าว รวมถึงคดีฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงทรัพย์ และคดีนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ติดตัวเพิ่มเติมอีก 6 หมายจับ ประกอบด้วย หมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี 2 หมายจับ, ศาลจังหวัดชุมแพ จ.ขอนแก่น 2 หมายจับ, ศาลจังหวัดหนองคาย 1 หมายจับ และศาลจังหวัดนครราชสีมา 1 หมายจับ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป