MGR Online - รอง ผบช.น. แถลงจับจอมโจรคู่หู ใช้ จยย. ตระเวนวิ่งราวทรัพย์สาวขายอุปกรณ์เครื่องเขียนหนองค้างพลู พบประวัติเคยก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์เมีย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. มาแล้ว หลังพ้นโทษลงมือก่อเหตุอีก 4 ครั้งจนถูกจับในที่สุด
วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ สน.หนองแขม พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ญาณพงศ์ โสมาภา รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี ผกก.สน.หนองแขม ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายธนาวุฒิ ดำดี อายุ 28 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ และ นายศิลปชัย สงฆ์เจริญ อายุ 31 ปี จ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยสามารถจับกุมได้บริเวณกลางซอยหมู่บ้านกรีนการ์เด้นโฮม หมู่ที่ 1 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางที่ใช้ก่อเหตุ อาทิ เสื้อแจ๊กเก็ต สีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ โทรศัพท์มือถือ iPhone 7 จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือวีโว จำนวน 1 เครื่อง หมวกกันน็อก 2 ใบ กระเป๋าสตรี ยี่ห้อชาแนล 1 ใบ และ รถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นนูโว สีดำ ไม่สวมป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ นางสาวกนกชล จิราวีร์ อายุ 34 ปี พนักงานขายอุปกรณ์เครื่องเขียน บริษัทแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว โดยเหตุเกิดที่บริเวณแสงจันทร์อพาร์ทเม้นท์ ซอยเพชรเกษม 77 แยก 1 - 1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม ขณะกำลังเดินกลับอพาร์ตเมนต์ โดยสะพายกระเป๋าสะพายที่หัวด้านขวา ส่วนคนร้ายขับมาด้านหลังแล้วกระชาก จากนั้นก็ขับรถหลบหนีไป ซึ่งหลังก่อเหตุทางฝ่ายสืบสวน สน.หนองแขม ก็ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดก็พบรูปพรรณของคนร้ายและก็ทราบว่าหลังก่อเหตุได้นำโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปขายที่ห้างซีคอนสแควร์ (บางแค) จึงได้ติดตามจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลาง
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทั้งสองได้ลงมือก่อเหตุจริง โดยนำของกลางไปขายเพื่อหาเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ และจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่า ก่อนหน้านี้ เคยก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ภรรยาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 56 ในพื้นที่ สน.หลักสอง เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 59 หลังจากนั้น ก็มาร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์อีก 4 ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.61 ที่ปากซอยเพชรเกษม 77 แยก 1 - 1 จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ในที่สุด
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า อยากฝากไปถึงห้างร้านภาคเอกชนให้ช่วยติดกล้อง CCTV และให้หันหน้าออกไปในพื้นที่สาธารณะเพื่อที่จะได้ควบคุมพื้นที่ เพราะถ้าเกิดเหตุร้ายและกล้องสามารถบันทึกได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำมาเป็นหลักฐานในการติดตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งในคดีนี้ที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้นั่น ก็เพราะได้ภาพจากกล้อง CCTV จับภาพพฤติกรรมของของร้ายขณะก่อเหตุ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้