ตำรวจบุกจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย เปิดเป็นร้านขายยาบังหน้าค้ายาทรามาดอล สิ่งเสพติดที่มอมเมาเยาวชนให้เกิดความคึกคะนอง เป็นภัยสังคม และเป็นบ่อเกิดคดีอาชญากรรม พบของกลางรวมกว่า 6 พันเม็ด
ที่ กก.ดส.บช.น. เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 24 มี.ค. พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.กก.ดส. พ.ต.ท.ชยะเดช ไคยฤทธิ์ รอง ผกก.กก.ดส. พ.ต.ท.วิทวัส บูรณะ รอง ผกก.กก.ดส. พ.ต.ต.อนุชา อนันต์อุปถัมภ์ สว.กก.ดส. ร่วมกันนำกำลังตำรวจ กก.ดส.บช.น. ระดมกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาค้ายาทรามาดอล ซึ่งเปิดเป็นร้านขายยาบังหน้า จำนวน 2 ราย
โดยรายแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เวลาประมาณ 19.30 น. ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นางนิราวรรณ ศรีเจริญ อายุ 38 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาทรามาดอล จำนวน 4,180 เม็ด และยาน้ำแก้แพ้ จำนวน 6 ขวด จับกุมได้ที่ ร้านขายยา ขวัญเมืองเวชภํณฑ์ 3/7 หมู่ 7 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
ส่วนรายที่ 2 เมื่อวันที่ 23 มี.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. ที่ผ่านมา จับกุมตัว นายบุญฤทธิ์ หนูคลัง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาทรามาดอล จำนวน 1,180 เม็ด และ ยาแก้แพ้ จำนวน 1 ขวด จับกุมได้ที่ ร้านขายยาวาฬ์ติณณ์ เลขที่ 67/6 อาคารเจริญตึก D ซ.ศรีนครินทร์ 40 ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากตามนโยบายของ พ.ต.อ.จิรกฤต ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.อนุชา นำกำลังระดมกวาดล้างสิ่งเสพติดที่มอมเมาเยาวชน โดยเฉพาะยาทรามาดอล ซึ่งกำลังนิยมเสพในหมู่วัยรุ่น เนื่องด้วยมีราคาถูก หาได้ตามร้านขายยา ก่อนนำไปผสมเพื่อเสพ แล้วเมื่อเสพแล้วจะเกิดความคึกคะนอง ตรวจปัสสาวะจะไม่พบเป็นสีม่วง ส่งผลให้เป็นภัยสังคม และเป็นบ่อเกิดคดีอาชญากรรม ทำให้ต้องกวาดล้างให้หมดสิ้นไป ต่อมาสืบทราบว่ายาชนิดนี้มีจำหน่ายตามร้านขายยา
ซึ่งผู้ต้องหาที่จับกุมมานี้ไม่เป็นเภสัชกรแต่อย่างใด ต้องการเพียงจำหน่ายยาเพื่อหารายได้เท่านั้น ทางตำรวจจึงระดมทำการกวาดล้าง อย่างไรก็ดี ทางตำรวจอยากจะประชาสัมพันธ์ประชาชนให้สอดส่องดูแลบุตรหลานของท่านให้ห่างไกลยาเสพติด อีกทั้งหากพบเบาะแสร้านขายยาร้านใดจำหน่ายยาเสพติดชนิดนี้ให้แก่เยาวชนสามารถแจ้งทางคำรวจเพื่อดำเนินคดีได้ทันที
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “จำหน่ายยาอันตรายเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดไว้, ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่, ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง, ไม่จัดให้มีฉลากยาที่ภาชนะหรือหีบห่อบรรจุยาตามที่กฎหมายกำหนด แก่ผู้ต้องหาทั้งสองคดีก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป