MGR Online - “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ส่งสำนวนคดีล้มบอลไทยลีกฤดูกาล 2017 ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง มั่นใจพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ลุ้นอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ 24 เม.ย.นี้
วันนี้ (13 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี “ขบวนล้มบอล” หรือล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2017 พร้อมคณะกว่า 10 คน ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐาน 10 แฟ้ม 3,000 หน้า และความเห็นสมควรฟ้องผู้ต้องหากลุ่มนายทุนพนัน, นักฟุตบอล และกรรมการตัดสินกับผู้ช่วยผู้ตัดสิน รวม 15 ราย ในความผิดร่วมกันล้มบอลและร่วมกันสนับสนุนล้มบอล ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 ซึ่งมีโทษตามกฎหมายฐานเป็นผู้ให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพทำการล้มกีฬา ตามมาตรา 64, ฐานเป็นผู้ใดเรียกรับทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นฯ มาตรา 65, ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน เพื่อจูงใจให้การตัดสินไม่เที่ยงธรรม ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานเป็นผู้ตัดสินเรียกรับทรัพย์สินฯ มาตรา 67 ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 300,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความเห็นควรไม่ฟ้อง 1 ราย มาส่งมอบให้นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดีต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้เดินทางมารายงานตัว ซึ่งอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า การดำเนินคดีนี้ก็เป็นไปตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร้องทุกข์ ถือเป็นคดีแรกของประเทศไทยที่เราสามารถสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน คดีล้มบอล ส่งให้อัยการได้ ภายหลังที่ พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพฯ เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างเต็มที่โดยไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ซึ่งกีฬาฟุตบอลมีมานานแล้ว และเป็นที่เคลือบแคลงใจกันมาตลอด 20-30 ปี การล้มบอลนั้นทำให้เจ้าของสโมสรเสียหาย ซึ่งเขาไม่มีโอกาสรู้เลยว่านักฟุตบอล หรือผู้รักษาประตู หรือนักกีฬาคนใดคนหนึ่งจะมีส่วนร่วมในการโกงหรือล้มบอล สิ่งที่ตำรวจพยายามรวมรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้วกล้าดำเนินคดี ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
พล.ต.ท.มนู หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ สำหรับสำนวนคดีนี้ถือว่าคดีสมบูรณ์ครบถ้วน สามารถยืนยันผู้ต้องหาได้ทุกคน พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาจำนวน 16 ปาก และสอบปากคำพยานจำนวน 68 ปาก ซึ่งได้มีการปรึกษาการหาพยานหลักฐานในคดีนี้กับพนักงานอัยการ จนทำให้คดีนี้มีความสมบูรณ์แล้ว จึงนำสำนวนคดีมาส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดี
ด้านนายพรชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า เป็นคดีสำคัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เพราะกระทบกระเทือนต่อการพัฒนาวงการกีฬาของประเทศไทย และยังทำให้ภาพลักษณ์ในวงการกีฬาตกต่ำ ในส่วนการทำงานของอัยการ ได้ตั้งคณะทำงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 รับผิดชอบสำนวนคดีรวม 5-6 คน โดยมีอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เบื้องต้นเท่าที่ทราบกลุ่มผู้ต้องหา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มทุนการพนัน มูลเหตุชักจูงใจอยากได้สินพนัน จึงเอาเงินมาลงขันกัน หลังจากลงขันแล้วก็มีการเตรียมการ มีการวางแผนไปจ้าง ครั้งแรกเลยที่ไปว่าจ้าง ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ ก็มีการขยายผล ซึ่งคดีนี้มีผลการแข่งขัน 5 แมตช์ที่มีการล้มบอล เพราะฉะนั้นกลุ่มทุนเป็นกลุ่มแรกที่ให้เกิดการกระทำผิดคดีนี้ และ 2. เป็นเรื่องของนักฟุตบอลอาชีพที่ประสงค์จะได้รับค่าจ้างตรงนี้ 3.อีกส่วนหนึ่งคือ ผู้ตัดสิน เพราะฉะนั้นการกระทำผิดก็ต้องแยกส่วนกัน ความผิดการล้มบอลคดีนี้มีเพียง 4 มาตรา ดังนี้ ถ้าเป็นผู้ให้ ผู้รับ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าผู้ตัดสินเรียกรับเอง อัตราโทษค่อนข้างหนัก คือ โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 300,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยในสำนวนมีหลักฐานเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน และแสดงให้เห็นเจตนาไว้ แต่อย่างไรก็ดีในการพิจารณาสำนวนอัยการจะทำโดยรอบคอบพิจารณาให้ครอบถ้วน โดยอัยการจะกำหนดนัดให้ผู้ต้องหามารายงานตัวแบบเดือนต่อเดือน เพื่อรอฟังผลการสั่งคดี ซึ่งอัยการก็จะดำเนินให้รวดเร็ว ซึ่งคดีนี้ถือว่ากระทบต่อวงการกีฬาไทย เราก็จะดำเนินรอบคอบที่สุด
นายพรชัย กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนและอัยการได้พูดคุยปรึกษากันเกี่ยวกับการหาพยานหลักฐาน จนมีความเชื่อมั่นว่าคดีนี้มีมูลเหตุจูงใจเรื่องสินพนัน มีการเตรียมการที่ไปติดต่อนักฟุตบอล ติดต่อผู้ตัดสิน สุดท้ายก็ทำให้เกิดการล้มบอล มีเส้นทางการเดินของเงิน เส้นทางการกระทำผิด อย่างไรก็ตามอัยการเพิ่งได้รับสำนวนคดีจึงขอดูหลักฐานให้ละเอียดรอบคอบชัดเจน ถ้าสมบูรณ์คงไม่จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม แต่ถ้าพยานหลักฐานขาดตกบกพร่อง ก็มีความจำเป็นจะต้องสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งตนอยากสร้างบรรทัดฐานให้เห็นเป็นรูปธรรม ให้เห็นว่าถ้าคนทำผิดจริงก็จะต้องได้รับโทษ และศาลอาจจะมองเหมือนกันก็ได้ว่าลงโทษเฉียบขาด เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแบบคดีอื่น เพราะว่าปัจจุบันกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทย
“จากคดีนี้ผมอยากสร้างบรรทัดฐานให้เห็นเป็นรูปธรรม ว่าปัจจุบันกีฬาฟุตบอลที่เป็นกีฬานิยบมของคนไทยเรา ถ้าเราให้ปล่อยให้มีการกระทำผิดแบบนี้ ภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทยจะตกต่ำย่ำแย่ โอกาสที่จะไปฟุตบอลโลกผมว่าไม่มีหรอก ดังนั้นผมอยากทำให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง คนที่ทำผิดต้องได้รับโทษจริงและก็หวังศาลอาจมองเหมือนเราให้ลงโทษแบบเฉียบขาด” รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากคดีล้มบอลนี้แล้ว ตำรวจจะมีการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอื่นๆ เป็นสำนวนคดีที่ 2 หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ขณะนี้ในช่วงแรกพยานหลักฐานที่เรามีพอดำเนินคดีได้กับผู้ต้องหาเพียงเท่านี้ แต่ในช่วงหลังที่กล่าวถึงนั้นทางเราก็พยายามจับตาดูในการแข่งขันฤดูกาลนี้ แต่ในซีซั่นนี้ยังไม่มีพิรุธใดๆ ทั้งกรรมการ ผู้เล่น ไลน์แมน (ผู้ช่วยผู้ตัดสิน) หากมีการแข่งขันนัดใดมีข้อมูล เราก็จะดำเนินการอยู่แล้ว
สำหรับผู้ต้องหาคดีล้มบอล จำนวน 16 ราย ประกอบด้วย
กลุ่มผู้ตัดสิน 2 ราย ได้แก่ 1.นายภุมรินทร์ คำรื่น อายุ 31 ปี ผู้ตัดสินฟีฟ่า 2017 และ 2. นายธีรจิตร หรือเก๋ สิทธิศุข อายุ 43 ปี ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือไลน์แมน
นักฟุตบอลอาชีพ ได้แก่ 1. จ.ท.สุทธิพงษ์ เหลาพร อายุ 28 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี 2. นายณรงค์ วงษ์ทองคำ อายุ 36 ปี ผู้รักษาประตูราชนาวี เอฟซี 3. จ.ท.สุวิทยา นำสินหลาก อายุ 26 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี 4. จ.อ.เสกสันต์ หรือเสก ชาวทองหลาง อายุ 35 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี 5. นายวีระ เกิดพุดซา อายุ 33 ปี ผู้รักษาประตูนครราชสีมา มาสด้าเอฟซี 6. ส.อ.ธีรชัย งามเจริญ อายุ 35 ปี นักเตะศรีสะเกษ เอฟซี 7. นายทศพร เขม็งกิจ อายุ 33 ปี นักเตะศรีสะเกษ เอฟซี 8. นายเอกพันธ์ จันดากรณ์ อายุ 32 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษ เอฟซี
กลุ่มนายทุน (พนัน) หรือตัวแทนนายทุน 6 ราย ได้แก่ 1. นายเชิดศักดิ์ หรือจ่อย บุญชู อายุ 46 ปี ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี 2. นายวัลลภ สมาน อายุ 46 ปี 3. นายกิตติภูมิ หรือเด่น ปาภูงา อายุ 31 ปี อดีตนักเตะ 4. นายมานิตย์ หรือเศรษฐปสิทธิ์ หรือป้อม โกมลวัฒนะ อายุ 48 ปี 5. นายภาคภูมิ หรือแบงค์ พันธ์นิกุล อายุ 32 ปี และ 6. นายกันตพัฒณ์ ศรีรัตนโชติ(ตำรวจมีความเห็นไม่ควรสั่งฟ้อง)