MGR Online - หนุ่มชัยภูมิขับรถพ่วงเทรลเลอร์ เสยท้ายรถ 18 ล้อ บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์คลอง 4 ขณะโชว์เฟอร์จอดรถฉี่ข้างทางจนเสียชีวิตคาที่
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 4 มีนาคม 2561 พ.ต.ต.ตูชัย สุระเสียง สว.สอบสวน สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถพ่วงรถเทรลเลอร์ชนกันรถพ่วงรถเทรลเลอร์ และมีผู้เสียชีวิตติดภายในเป็นชาย 1 ราย ที่เกิดเหตุบริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์คลอง 4 ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ร่วมกับแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และอุปกรณ์เครื่องตัดถ่าง
ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถพ่วงยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาวหมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 72-4937 สมุทรปราการ ส่วนตัวลูกพ่วง หมายเลขทะเบียน 72-5539 สมุทรปราการ เป็นของ บริษัท เอ็ม อาร์ ที บัสแอนด์ทรัคส์ จำกัด บริเวณที่นั่งด้านคนขับพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ที่เสียหลักพุ่งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ของนายไพรวัลย์ บุญเจริญ อายุ 35 ปี ชาวสุรินทร์ ที่จอดข้างทาง รถพ่วงยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 71-0166 พระนครศรีอยุธยา ส่วนตัวลูกพ่วงหมายเลขทะเบียน 7 1-2500 พระนครศรีอยุธยา สภาพด้านท้ายพังเสียหาย จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถ่างและนำร่างออกมาได้ ทราบชื่อคือ นายสมปอง ภิญโญศรี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 2 ตำบลสามสวน อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นคนขับรถพ่วงยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 72-4937 สมุทรปราการ
จากการสอบถาม นายไพรวัลย์ บุญเจริญ อายุ 35 ปี ชาวสุรินทร์ คนขับรถพ่วง ให้การว่า ตนเองขับรถมาจากลาดกระบัง เพื่อจะไปขึ้นของที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตนเองได้จอดรถและทำธุระส่วนตัว (ปัสสาวะ) อยู่ข้างทาง จากนั้นก็ขึ้นมานั่งบนรถได้ประมาณ 20 นาที และรถพ่วงก็ได้มาชนท้ายรถของตนเองอย่างจัง จนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ตนจึงยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแจ้งให้ประกันทราบ
ทางด้าน พ.ต.ต.ตูชัย สุระเสียง สว.สอบสวน สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ร่วมชันสูตจรพลิกศพพร้อมกับแพทย์เวร และบันทึกภาพในที่เกิดเหตุเก็บไว้เป็นหลักฐาน และนำผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก ส่วนผู้เสียชีวิตได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้ง และจะได้ติดตามญาติผู้เสียชีวิตมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป