MGR Online - ร้องกองปราบถูกหนุ่มอ้างเป็น ร.ต.ต. หลอกแต่งลูกสาวเชียงคาน ทั้งที่เตรียมจัดพิธีมงคลสมรสแล้ว แต่เจ้าบ่าวกำมะลอพาเจ้าสาวหนี
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 08.00 น. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.ปิยรัช สุภารัตน์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป. ร.ต.ท.ปานเทพ พจน์ธีระมนตรี รอง สว.กก.ปพ.บก.ป. เข้าตรวจสอบกรณี เพจ “ระวังให้ดี พวกจอมปลอม ต่อต้านทหารปลอม ตำรวจปลอม” ได้มีการแชร์ภาพชายหนุ่มอ้างเป็น ร.ต.ต.พูนเกียรติ ศิริเพชร อายุ 29 ปี ตำแหน่งฝ่ายสืบสวน จังหวัดสมุทรปราการ แท้จริงแล้วเป็นตำรวจอาสา หลอก น.ส.รุจิรมาศ แก่นภูเขียว อายุ 29 ปี ชาว อ.เชียงคาน จ.เลย แต่งงาน โดยจะมีพิธีมงคลสมรสขึ้นในวันนี้ (18 ก.พ.) เวลา 09.09 น. ที่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 บ.ใหม่ตาแสง ต.นาซ่าว อ.เชียงคาน จ.เลย โดยมีการแจกการ์ดแต่งงานให้ญาติพี่น้อง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเลย และเพื่อนทั้ง 2 ฝ่ายจำนวนมาก
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสถานที่จัดพิธีมงคลสมรสบ้านเจ้าสาว พบเพียง นายคำสิงห์ แก่นภูเขียว อายุ 62 ปี พ่อของเจ้าสาว โดย นายคำสิงห์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมการจัดงานมงคลสมรสลูกสาวไว้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ต้องล้มเลิกงานแต่งไป เพราะทราบว่า ว่าที่ลูกเขยไม่ใช่ตำรวจตัวจริง จึงได้มีการถามยืนยันกับว่าที่ลูกเขย พร้อมขอดูหลักฐาน แต่เจ้าตัวไม่สามารถนำมาแสดงได้ นอกจากนี้ พบว่า ในโลกโซเชียลได้โพสต์กระจายข้อมูลกว้างขวาง จึงน่าเชื่อว่าเป็นการหลอกลวง ก่อนที่ลูกสาวกับลูกเขยซึ่งเป็นตำรวจปลอม ได้พากันหลบหนีไป ทิ้งภาระให้ตนต้องจัดการเคลียร์กับแขกที่แจกการ์ดไปแล้ว และมารอกันที่บ้านเป็นจำนวนมาก
นายคำสิงห์ กล่าวต่อว่า ได้เตรียมงานแต่งงานมีโต๊ะจีน 50 โต๊ะ 60,000 บาท เครื่องเสียง 8,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งนี้ รู้สึกอับอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน โดยเฉพาะภรรยาถึงกับร้องไห้ ไม่คิดว่า ว่าที่ลูกเขยจะมาโกหกกันอย่างนี้ ตอนนี้ได้คุยกับลูกสาวแล้วว่ามีอะไรให้มาคุยกัน ถึงจะไม่ใช่ตำรวจจริง ถ้ารักกันจริงพ่อก็ไม่ห้าม ไม่ได้หวังว่าลูกเขยต้องเป็นข้าราชการตำรวจ ถึงเป็นชาวบ้านธรรมดาก็รับได้ ขอร้องว่าที่ลูกเขยและลูกสาว กลับมาคุยกัน มาหาทางออก ด้วยกันไม่ต้องหนี ทุกอย่างคุยกันได้ มาเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น พ่อและแม่ไม่โกรธลูก
ด้าน ร.ต.ท.ปานเทพ กล่าวว่า การแต่งกายเครื่องแบบตำรวจโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจะเร่งจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป