MGR Online - ไฟไหม้โรงงานทำบานกระจกอะลูมิเนียมย่านปทุมฯ ลุกลามติดร้านทำเครื่องหนัง เผาวอดรถเบนซ์ซีคลาส 250 เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ต.สัญชัย เมธีวิวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงงานทำบานกระจกอะลูมิเนียม ลุกลามไปยังโกดังเก็บผลิตภัณฑ์เครื่องหนังข้างเคียงได้รับความเสียหาย ที่โรงงานสมควรอะลูมิเนียม หมู่ 8 ตำบลบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี พร้อมด้วย นายศิริศักดิ์ ศิริมังคลา นายอำเภอเมืองปทุมธานี และได้ประสานรถดับเพลิงในพื้นที่รับผิดชอบและพื้นที่ข้างเคียงจำนวน 12 คัน
ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานติดกันจำนวน 3 คูหา โดยเพลิงได้ลุกไหม้เสียหายจำนวน 2 คูหา ประกอบด้วย คูหาของโรงงานทำบานกระจก สมควรอะลูมิเนียม ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งได้ไหม้รถเบนซ์ รุ่น C250 หมายเลขทะเบียน 3 กม 6255 กรุงเทพมหานคร เสียหายเกือบทั้งคัน ซึ่งเป็นของ นายสมควร แช่มไธสง เจ้าของร้านชื่อ สมควรอะลูมิเนียม ขณะเกิดเหตุไม่อยู่ร้าน
ส่วนภายในโรงงานอะลูมิเนียมได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง รวมถึงอุปกรณ์การผลิตและวัตถุดิบต่างๆ นอกจากนี้ เพลิงยังได้ลุกลามไปยังโกดังเก็บสินค้าผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องหนัง ทำให้เพลิงได้ลุกไหม้อย่างราดเร็ว เนื่องจากเครื่องหนังเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี นอกจากนี้ คูหาข้างเคียงยังเป็นโรงงานคัดแยกขยะรีไซเคิล ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้น้ำระดมฉีดป้องกันเพลิงลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียง โดยมีรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบางคูวัด, รถดับเพลิงจาก อบต.คลองควาย, รถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบ้านใหม่, รถดับเพลิงจาก อบต.บางเดื่อ, รถดับเพลิงจาก อบต.บางพลับ ปากเกร็ด, รถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองปทุมธานี และ รถดับเพลิงจาก อบจ.ปทุมธานี รวมกว่า 12 คัน ทั้งนี้ หลังจากที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ต้องฉีดน้ำเลี้ยงป้องกันเพลิงลุกขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้มีกลุ่มควันเพลิงไหม้ลอยเป็นจำนวนมาก
จากการสอบถาม นางสาวนภัสสร สันตินามชัย อายุ 31 ปี พนักงานสต๊อกสินค้าโกดัง ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง กล่าวว่า ในขณะที่เกิดเหตุ ตนเองทำงานอยู่เพียงคนเดียวภายในออฟฟิศ และต่อมาได้ยินเสียงระเบิดมาจากโรงงานทำบานกระจกอะลูมิเนียม ที่อยู่ข้างโกดัง ตนเองจึงได้ออกมาดู พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและดับเพลิงให้ช่วยเหลือ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงเพื่อเร่งดับเพลิง และควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียง ยังไม่สามารถประเมินค่าเสียหายได้ พร้อมบันทึกภาพในที่เกิดเหตุเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้นั้น ได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1 (ศพฐ.1) เข้าตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงครั้งนี้ต่อไป