MGR Online - ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบ๊ต “คิงโพไซดอน” กลางทะเลกระบี่ นักท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัส 6 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 10 ราย เรียกเจ้าของเรือ - กัปตัน -
ผจก.ทัวร์ ตรวจสอบได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่
วันนี้ (14 ม.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงเหตุ เรือสปีดโบ๊ต เกิดเพลิงไหม้บริเวณหน้าอ่าวปิเล๊ะ หมู่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ มีลูกเรือและนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ ว่า ได้รับรายงานจาก บก.ภ.จว.กระบี่ ว่า วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 11.30 น. สภ.เกาะพีพี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เครื่องยนต์ มีลูกเรือชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณหน้าอ่าวปิเล๊ะ หมู่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เมื่อเวลา 09.00 น. เรือคิงโพไซดอน 959 ของบริษัท ไทฟูเจริญ ตั้งอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ได้นำนักท่องเที่ยวสัญชาติจีน พร้อมด้วยลูกเรือและไกด์ ทั้งหมด 31 คน ออกจากท่าซีแองเจิล มาท่องเที่ยวที่เกาะพีพี จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. ขณะที่เรือกำลังจะออกจากอ่าวปิเล๊ะ กัปตันเรือชื่อ นายเกรียงไกร บุญศรี ได้กลิ่นน้ำมันภายในตัวเรือ จึงได้ชะลอเรือแล้วตรวจสอบที่บริเวณเครื่องยนต์ พบว่า มีน้ำมันรั่วจากถังน้ำมันด้านท้ายเรือเข้ามาภายในตัวเรือ จึงได้ทำการเปิดถังน้ำมันท้ายเรือเพื่อตรวจสอบ จากนั้นก็เกิดประกายไฟขึ้นจนทำให้ไฟลุกไหม้เครื่องยนต์และตัวเรือได้รับความเสียหาย นักท่องเที่ยวและลูกเรือที่อยู่ในเรือทั้งหมดต่างตกใจและกระโดดหนีลงในทะเล ต่อมาได้มีเรือท่องเที่ยวซึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ ได้เข้าช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวส่งโรงพยาบาลเกาะพีพี พบว่า มีลูกเรือและนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 6 ราย นำส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลกระบี่และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 10 ราย
รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ได้ร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุ บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุประกอบคดี และวาดภาพแผนที่เกิดเหตุ อีกทั้งยังได้จัดชุดพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บ (ที่สามารถให้การได้) พยาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 1 ชุด, โรงพยาบาลกระบี่ 1 ชุด และ สภ.เกาะพีพี 1 ชุด โดยจะมีการเรียกเจ้าของบริษัทเดินเรือ, ผู้จัดการทัวร์ และกัปตันเรือ เข้ามาตรวจสอบใบอนุญาตนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พร้อมทั้งใบนายเรือของเรือเดินในประเทศและประกันภัยตัวเรือ รวมไปถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องว่ามีการได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ และกองบังคับการตำรวจน้ำ บูรณาการกำลังร่วมกันในการในดูแลช่วยเหลือและป้องกันเหตุแก่นักท่องเที่ยว โดยการเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบเครื่องยนต์เรือ ต้องมีสภาพพร้อมใช้งานก่อนออกจากท่าเรือ, ให้คำแนะนำการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต และเน้นย้ำไกด์นำเที่ยวให้ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งก่อนเดินทางออกจากท่าเรือ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามก็จะไม่ให้เรือท่องเที่ยวออกเดินทางจากท่าเรือได้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน พร้อมกันนี้ ยังกำชับให้เพิ่มมาตรการการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ กรณีประสบเหตุในลักษณะดังกล่าวอีกด้วย