MGR Online - อัยการหนุนปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา พร้อมดูแลงานสอบสวนร่วมกับตำรวจในอนาคต เพื่อประโยชน์ของประชาชน
วันนี้ (4 ม.ค.) “นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้กล่าวถึงการบริหารกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายบริหารสำนักงานอัยการสูงสุด ว่า ขณะนี้เรื่องที่เกี่ยวข้อง คือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เวลานี้คณะกรรมการปฏิรูปฯ ก็กำลังพูดถึงอำนาจการสอบสวนที่เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งดำเนินการตามหลักการรัฐธรรมนูญฯ จึงเป็นอีกประเด็นที่สำนักงานอัยการสูงสุดศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมก็ถือเป็นนโยบายรัฐ ก็มีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่าอัยการพร้อมรับภารกิจนี้หรือไม่ ถ้าจะต้องร่วมสอบสวน ก็ตอบว่าเมื่อเป็นนโยบายรัฐเราก็พร้อมทำตาม ซึ่งช่วง 1 - 2 ปี ต้องจับตาดู อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ส่วนการเตรียมความพร้อมนั้น ปัจจุบันเรามีอัยการทั่วประเทศ 3,358 คน ทุกคนก็มีศักยภาพพร้อมดำเนินการได้หมด นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานการสอบสวนที่ตั้งมาแล้วกว่า 3 ปี
ขณะที่ “นายประยุทธ เพชรคุณ” รองโฆษกอัยการ กล่าวเสริมว่า ตัวกฎหมายใช้คำว่า ถ่วงดุล การสอบสวน ซึ่ง นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ให้นโยบายว่าเป็นการร่วมกันทำงานในการเตรียมความพร้อม อัยการสูงสุดจึงพร้อมอยู่แล้ว แต่กรอบรูปแบบปฏิบัติจะเป็นอย่างไรต้องรอผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องดำเนิน แต่ไม่ว่าจะออกมิติไหนสำนักงานอัยการสูงสุด ก็พร้อมทั้งร่วมสอบสวนทั้งหมดหรือบางส่วน หรือจะเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลทั้งหมดหรือบางส่วน ถ้าจะต้องเพิ่มอัตรากำลัง เพิ่มงบประมาณเราก็ต้องทำ ถ้าเป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็พร้อม
เมื่อถามว่า ในหมู่ของอัยการด้วยกันเองมองอย่างไรการร่วมสอบสวนเห็นด้วยหรือไม่ นายประยุทธ รองโฆษกอัยการฯ ถ้ามองในแง่นโยบายของผู้ใหญ่ กับตอบแทนอัยการทั้งประเทศ ก็ต้องบอกว่าพร้อม ทุกคนพร้อมจะทำงานซึ่งเราทำงานด้านคดีมาตลอดเรารู้ว่าการไปร่วมทำตรงนั้นจะมีประสิทธิภาพและประชาชนได้ประโยชน์ที่สำคัญดีกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเดิมพนักงานสอบสวนทำก็ดีอยู่ ยิ่งร่วมกันทำก็ยิ่งดีขึ้นไปช่วยกันทำงานก็จะดีต่อกระบวนการยุติธรรมและประชาชน เหมือนอย่างคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ไม่ใช่ดีกับพนักงานสอบสวนหรือดีกับอัยการ แต่ดีต่อกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่แย่งอำนาจกัน เพราะไม่ใช่การเรียกร้องของสำนักงานอัยการสูงสุด