MGR Online - ครูเมืองกาญจน์ควงแม่ค้าขายลอตเตอรี่แจ้งกองปราบ กรณีคดีลอตเตอรี่หาย 30 ล้าน เพื่อยืนยันการถูกรางวัลที่ 1 แต่ทำสลากหายจริง อ้างสลากที่ตนซื้อ แม่ค้าจะทราบดี เพราะเฝ้ามาแล้วหลายงวด ตำรวจเผยเจ้าตัวให้การไม่พบพิรุธ และสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ตำรวจมี
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม นายปรีชา ใคร่ครวญอายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ อายุ 58 ปี และ น.ส.พัชริดา พรมตา อายุ 53 ปี แม่ค้าขายลอตเตอรี่ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เพื่อให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน กรณีคดีแย่งชิงสิทธิ์ลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท ระหว่าง นายปรีชา ที่อ้างว่า ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ แต่ปรากฏว่า สลากฯ ชุดดังกล่าวหายไป ต่อมา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตตำรวจเป็นผู้นำสลากไปขึ้นเงินรางวัล จนเกิดการแจ้งความดำเนินคดีและอายัดเงินรางวัล อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ที่อ้างกรรมสิทธิ์เป็นผู้ถูกรางวัล 30 ล้านบาท มาสอบปากคำไปแล้ว
นายปรีชา ให้การว่า เรื่องที่ตนทำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หายไปนั้น เป็นเรื่องจริง โดยก่อนหน้านี้ สั่งซื้อเลขชุดไว้กับแม่ค้าลอตเตอรี่ในตลาดเรดส์ซิตี้ ที่สนิทกัน และเป็นลูกค้ามานาน ส่วนเลขที่ตนสั่งซื้อไว้ในงวดนั้น ก็คือ เลข 885470 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนรถ และเลขที่บ้าน ส่วนเลข 726 ที่ถูกรางวัลที่ 1 นั้นก็เป็นเลขมงคลส่วนตัว ที่ตามซื้อมาตลอดหลายงวดแล้ว วันนั้นตนได้ซื้อสลากมาทั้งหมด 4 ชุด คือ ชุดละ 4 ใบ ราคา 500 บาท และชุดที่ถูกรางวัล จำนวน 5 ใบ ราคา 700 บาท พร้อมกับจ่ายเงินไป จำนวน 2,200 บาท ก่อนเก็บลอตเตอรี่ทั้งหมดใส่กระเป๋าเสื้อ และนำไปเก็บไว้ในกระเป๋าที่มีซิปรูด คาดว่า น่าจะทำตกหายระหว่างหยิบใส่กระเป๋าเสื้อ เนื่องจากลอตเตอรี่ทั้ง 4 ชุด อยู่ในซองพลาสติก เชื่อว่า น่าจะลื่น เพราะจำได้ว่าวันนั้นร้อนมาก ทำให้มีเหงื่อเต็มตัว ส่วนชุดที่หายก็อยู่ชั้นนอกสุดด้วย หลังจากได้ลอตเตอรี่มาแล้ว ตนก็ไปเดินหาซื้อกับข้าว เสร็จแล้วก็เดินทางกลับบ้าน
นายปรีชา กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 1 พ.ย. หลังจากหวยออกแล้ว แม่ค้าลอตเตอรี่เจ้าประจำก็มาตะโกนเรียกที่หน้าบ้านพัก เพื่อแจ้งว่า ตนถูกหวยรางวัลที่ 1 เนื่องจากจำได้ว่าเป็นเลขที่ตนซื้อไปนั้น คือ เลข 533726 ก็เลยรีบกลับไปค้นดู จึงรู้ว่าทำหายไป จึงพยายามหาไปค้นหาอีกหลายรอบ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ก็เลยรีบเข้าไปปรึกษากับ ร้อยเวรของ สภ.เมือง จ.กาญจนบุรี และจะขอแจ้งความด้วย เพราะตนเชื่อมั่นในหลักฐานที่มี ตอนแรกตำรวจแนะนำให้ตนกลับไปหาให้ทั่วๆ ก่อน ก็เลยรีบกลับไปค้นหาดูจนทั่วบ้านแล้ว แต่ก็ไม่พบ พอวันรุ่งขึ้นก็เลยรีบเข้าไปแจ้งความ ซึ่งตำรวจก็รับเรื่องไว้ เพื่อสอบสวน กระทั่งวันที่ 28 พ.ย. ก็ได้รับแจ้งจากร้อยเวร ว่า มีตำรวจนอกราชการใน จ.กาญจนบุรี เป็นผู้นำสลากฯชุดดังกล่าวมาขึ้นเงินรางวัล 30 ล้านบาท ไปแล้ว
นายปรีชา กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ติดต่อเพื่อให้ตนเข้าไปหา เนื่องจากติดต่อกับคู่กรณีได้แล้ว โดยให้ตนไปเจรจากันก่อน ก็เลยรีบเข้าไปที่ สภ.เมืองกาญจน์ ก็พบกับ ร.ต.ท.จรูญ ซึ่งก็พยายามสอบถามว่าลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวหมวดไปซื้อมาจากไหน แต่เขาก็บอกไม่ได้ว่าซื้อมาจากที่ไหน แม้พยายามถามยังไงเขาก็ไม่รับ เมื่อถามถึงเงินรางวัล ร.ต.ท.จรูญ ก็เอาสมุดธนาคารมาให้ดูแบบผ่านๆ แต่พอเห็นยอดตัวเลขประมาณ 29 ล้านบาท ซึ่ง ร.ต.ท.จรูญ ก็ยังบอกด้วยว่าเงินทั้งหมดยังอยู่ครบ แต่การเจรจาในวันนั้นก็ไม่ได้ข้อยุติ จนสุดท้ายพนักงานสอบสวนก็เลยนำตัวแยกกันสอบคนละห้อง ก่อนจะให้แยกย้ายกันกลับบ้าน
นายปรีชา ให้การด้วยว่า จากนั้นวันรุ่งขึ้น ตนก็ทราบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ไปพบ ร.ต.ท.จรูญ ที่ธนาคารแห่งหนึ่งซึ่งเงินถูกรางวัลดังกล่าว อยู่ในบัญชีของธนาคารดังกล่าว ทราบต่อมาว่า เขาเดินทางไปเบิกเงินจากบัญชีมาประมาณ 5 ล้านบาท หลังจากนั้น พนักงานสอบสวนจะขออายัดเงินในบัญชีไว้ก่อน เนื่องจากมีการแจ้งความ
ทั้งนี้ เรื่องนี้คิดว่าเงินรางวัลที่ได้ มีเทวดาให้มา ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คิดเสียว่าเป็นการทดสอบ ซึ่งสุดท้ายถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงินก้อนนี้กลับมาจริงๆ หรือถึงขั้นทำให้ถูกดำเนินคดี ก็ไม่เป็นไร เพราะเรื่องจริงมันก็คือเรื่องจริง ใครจะบิดเบือนอย่างไร เจ้าตัวก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าทำอะไรลงไปบ้าง และตนเองก็พร้อมที่จะเข้าเครื่องจับเท็จ ถ้าอีกฝ่ายพร้อมก็ขอให้บอกมาเลย
มีรายงานว่า การที่ตำรวจกองปราบปรามได้เชิญตัวครูปรีชา และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลนั้น เบื้องต้นได้สอบถามประเด็นเรื่องในวันเวลาสถานที่ที่ซื้อสลากกินแบ่ง รวมทั้งซื้อกับแม่ค้าคนไหน เพื่อมาตรวจสอบหาพิรุธกับพยานหลักฐานที่พบ ซึ่งจากการสอบปากคำไม่พบพิรุธ และครูให้การสอดคล้องกับประจักษ์พยานหลักฐานที่ทางตำรวจกองปราบปรามได้ อีกทั้งทางครูปรีชาได้ให้ข้อมูลว่าหลังเกิดเรื่องในวันที่ 4 ธ.ค. ได้มีชายอ้างตัวเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม มาขอข้อมูล ซึ่งในส่วนนี้ตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชายคนดังกล่าวเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรมจริงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ประดับ จันทร์อ่วม อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 7 ต.ย่านยาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เข้าพบ พ.ต.ต.(หญิง) จันทนา สาตะมาน สารวัตร (สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 ธ.ค. 60 เลข 451005 ที่ถูกรางวัลที่ 1 ได้หายไป ต่อมาทราบว่ามีคนนำสลากดังกล่าวไปขึ้นเงินรางวัลนั้น
รายงานแจ้งว่า น.ส.ประดับ ให้การกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ว่า ได้ซื้อสลากกินแบ่งจากพ่อค้าหวยทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายเปี๊ยก แต่ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจิง ใน อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเลขสามตัวหลังนั้นหลานวัย 4 ขวบ เป็นคนบอกให้ซื้อ เมื่อซื้อเลขดังกล่าวแล้ว ก็ได้เอามาดูสองครั้ง และเอาให้เพื่อนบ้านดูอีกสองครั้ง จึงจำเลขสลากที่ซื้อได้แม่น
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พ.ย. น.ส.ประดับ ได้ไปรับจ้างเป็นแม่ครัวในงานศพของเพื่อนบ้านที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.สามชุก โดยนำสลากใบดังกล่าวใส่ไว้ในชุดชั้นในที่มีซิปไปด้วย แต่ระหว่างอยู่ในงานมีคนมาขอดูสลากว่างวดนี้ซื้อเลขอะไร แต่ขณะที่กำลังจะล้วงมาให้ดู ปรากฏว่า สลากหายไปแล้ว จึงเดินถามคนที่มาร่วมงานในวันดังกล่าว ซึ่งมี น.ส.พรทิพย์ ปาลวงษ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/9 หมู่ 6 ต.ย่านยาว อ.สามชุก เป็นญาติห่างๆ มาช่วยล้างจานในงานด้วย แต่ก็ไม่มีใครพบเจอ
จากนั้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เมื่อทราบว่า สลากที่หายไปถูกรางวัลที่ 1 จึงรีบเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สมบุญ สียางนอก สารวัตรสอบสวน สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ว่า สลากเลข 451005 งวดวันที่ 1 ธ.ค. ของตนได้หายไป ทางตำรวจจึงได้ดูบันทึกประจำวัน พบว่า ก่อนหน้านี้ทาง น.ส.พรทิพย์ ปาลวงษ์ ก็ได้นำสลากเลข 451005 งวดประจำวันที่ 1 ธ.ค. 60 จำนวน 1 ใบ เข้ามาพบ พ.ต.ต.สมบุญ เพื่อขอลงบันทึกประจำวันว่าได้ถูกรางวัลที่ 1 เป็นเงิน 6 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่จึงเรียกทั้งคู่มาเจรจากัน แต่ต่างฝ่ายต่างยืนยันอ้างสิทธิ์ในสลากใบดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เรียกนายเปี๊ยก พ่อค้าสลากมาให้การ โดย นายเปี๊ยก ให้การว่า น.ส.ประดับ ได้มาซื้อสลากเลขดังกล่าวจริง และต้นขั้วรางวัลที่ 1 ก็ยังอยู่ที่ตน แต่ตนจำได้เพียงเลขท้าย 005 เท่านั้น ส่วนเลขหน้าจำไม่ได้ นอกจากนี้ นายเปี๊ยก ให้การว่า จำไม่ได้ว่า น.ส.พรทิพย์ ได้มาซื้อสลากใบดังกล่าวกับตนหรือไม่ เพราะได้ขายสลากให้กับลูกค้าไปจำนวนมาก จากนั้นพนักงานสอบสวนก็ได้อายัดสลากใบดังกล่าวไว้ตรวจสอบ ต่อมาเมื่อทำการสอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว พนักงานสอบสวนก็ได้คืนสลากใบดังกล่าวให้แก่ น.ส.พรทิพย์ กระทั่งมีการนำไปขึ้นเงิน 6 ล้านบาท ต่อมา น.ส.ประดับ เห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องกองปราบปรามเพื่อช่วยเหลือดังกล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ได้สอบปากคำ น.ส.ประดับ ไว้ เพื่อประกอบสำนวนทางคดี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.5 บก.ป. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวตามคำสั่งของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. แล้ว ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควร