MGR Online - รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.พร้อม บก.ปปป.บุกค้นบ้านอดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หลังพบว่าซื้อไว้เมื่อปี 2556 แต่ให้บุคคลอื่นถือครองแทน เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สิน ตามมติธุรกรรมคดีทุจริตเงินทอนวัด
วันนี้ (11 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. พล.ต.ต.รมย์ สิทธิ์วีริยาสรร รรท.เลขาธิการปปง. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่หน้าที่ ปปง. กว่า 20 นาย นำหมายศาลจังหวัดตลิ่งชัน เลขที่ 3.133/2560 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เข้าตรวจค้นบ้านพักของนางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสคนล่าสุดกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา ภายในบ้านเลขที่ 108/1 หมู่บ้านแกรนด์บางคอก บลูเลอวาร์ด สาธร-ปิ่นเกล้า ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. หลังสืบทราบว่า บ้านหลังนี้อาจเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด
โดยพล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ เปิดเผยว่า จากการประชุมของคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีคำสั่งในการยึดอายัดบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายนพรัตน์ โดยมีการซื้อเมื่อปี 2556 ในราคาประมาณ 49 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมการกระทำผิดของนายนพรัตน์และพวกเกิดขึ้นเมื่อปี 2555-2559 และได้ให้บุคคลอื่นเป็นผู้ถือครองแทน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะจำเป็นจะต้องมีการสืบสวนขยายผลต่อไป แต่จากการตรวจสอบหลักฐานภายในบ้านทั้งหมด อาทิ เอกสารหลักฐาน นามบัตร วัตถุพยานทั้งหลายที่ระบุว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายนพรัตน์ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือพยานบุคคลซึ่งยืนยันว่า บ้านหลังนี้เป็นของนายนพรัตน์แน่นอน นอกจากนี้ยังพบตู้เซฟทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จำนวน 3 ตู้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินภายในเซฟ
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า บ้านหลังดังกล่าวผู้พักอาศัยเป็นญาติใกล้ชิดของนายนพรัตน์ อย่างที่ทราบตอนนี้นายนพรัตน์และคนใกล้ชิดได้มีการหลบหนีไปต่างประเทศเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว ซึ่งกระบวนการที่จะมีการถ่ายเททรัพย์สินก็เหลือทรัพย์สินแต่เพียงน้อย ซึ่งการตรวจค้นครั้งนี้เพื่อยืนยันว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายนพรัตน์จริง เพื่อจะนำไปเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ซึ่งสำหรับกระบวนการขนย้ายทรัพย์สินนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะจะมีการสืบสวนขยายผลไปจนสิ้นกระแสอย่างแน่นอนและทรัพย์สินทุกอย่างจะต้องกลับคืนสู่แผ่นดิน
ทั้งนี้คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของนายนพรัตน์ กับพวกรวม 9 คน ทั้งสิ้น 33 รายการ รวมมูลค่ากว่า 71 ล้านบาทแต่ก็ยังมีทรัพย์สินบางอย่างที่ต้องขยายผลอีกซึ่งอีกประมาณ 100 ถึง 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกรณีการพยายามขายที่ดินนั้นต้องมีกระบวนการในการยึดอายัดถ้าหากเป็นที่กินที่ได้มีระหว่างการกระทำผิดและบุคคลภายนอกได้มาในระหว่างที่มีการตรวจสอบหรือดำเนินคดีแล้วก็จะต้องมีการชี้แจ้งความสุจริตโดยในกรอบระยะเวลา 90 วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบตู้เซฟทั้งหมด 3 ตู้ แบ่งเป็น ตู้เซฟเล็ก 2 ตู้ ตู้เซฟใหญ่ 1 ตู้ วางอยู่ภายในห้องนอนใหญ่และห้องแต่งตัวของนายนพรัตน์ เจ้าหน้าที่จึงประสานให้ช่างเป็นตู้เซฟมาดำเนินการเปิดเพื่อตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม จากการตรวจสอบพบเอกสารสำคัญหลายอย่างที่เกี่ยวกับขั้นตอนฉ้อโกงเงินทอนวัด พร้อมกับ เอกสารที่ยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายนพรัตน์ และพระเครื่องมี่มีราคาอีกหลายรายการ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบเพื่อประกอบสำนวนในการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
สำหรับการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากคดีทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งเป็นคดีในล็อตแรก ซึ่งเป็นการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด เมื่อปี 2555-2559 มูลค่าความเสียหาย 62 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 12 วัด โดยในล็อตแรกมีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ประกอบด้วย 1. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.(ปัจจุบันหนีไปต่างประเทศ) 2. นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ พศ. 3. นางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ. 4. นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาส นักวิชาการ พศ. 5. นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี (ไม่ใช่ข้าราชการ)
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีภารกิจตรวจค้นเป้าหมาน 14 จุด ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งในครั้งนั้นเป็นคดีในล็อตที่สอง เป็นการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภท คือ1. อุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด2. อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ3. อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 141 ล้านบาทการตรวจค้นในวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบทองคำแท่งหนัก 1 บาท 80 แท่ง โฉนดที่ดิน และเอกสารอื่น ๆ ภายในบ้านของนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. จึงได้อายัดไว้ตรวจสอบ และได้แจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสียและมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต
สำหรับคดีทุจริตเงินทอนวัดในล็อตที่ 2 มีผู้ต้องหา 19 คน เป็นข้าราชการ 13 คน พระ 4 รูป และประชาชนไม่ใช่ข้าราชการอีก 2 คน ประกอบด้วย1. นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. 2. นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สิงห์บุรี 3. นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการ พศ. 4. นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา เป็นผู้อำนวยการสำนักงาน พระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ลำปาง 5. นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร ผอ.กลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ พศ. 6. นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน พศ. 7. นายพยงค์ สีเหลือง นายช่างโยธา ชำนาญงาน พศ. 8. นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้ตรวจ ราชการ พศ. 9. นายแก้ว ชิดตะขบ ผอ.การสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสมุทรสงคราม 10. นายไพฑูรย์ กรรณโม (ไม่ทราบตำแหน่ง)ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คน เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตแรก และมีชื่อในล็อตที่สองด้วย คือ นายนพรัตน์ นายวสวัสดิ์ นางประนอม นางณัฐฐาวดี และนายศิวโรจน์ และยังมีอีก 4 ราย ซึ่งเป็นพระสงฆ์ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ