MGR Online - ผบ.ตร. แถลงผลรวบตัวหนุ่มโปแลนด์มือวางบอลลูนบอมบ์ ชิงทรัพย์เงิน 3 แสน จากตู้เอทีเอ็ม เทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา พบอุปกรณ์อื้อเตรียมก่อเหตุซ้ำ ทั้งนี้ ชุดสืบสวนไล่เช็กจากกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ต้องหาซื้อถุงขนมปังยี่ห้อเอพลัสจากร้านสะดวกซื้อ ย่านลำสาลี ก่อนขยายผลนำไปสู่การจับกุม
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 และ ว่าที่ พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ แถลงจับกุมตัว นายกราคยาน พาเวล สแตนิช เซวสกี้ (Mr.Gracjan Pawel Stanisewski) อายุ 36 ปี สัญชาติโปแลนด์ ผู้ต้องหาก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. ได้เงินไปกว่า 3 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา พร้อมนำของกลาง เป็นหมวกกันน็อก เสื้อคลุมแขนยาว กระเป๋าใบ พลั่วตักดิน บอลลูนยางต่อท่อสายยางซึ่งใช้ทำระเบิด เทปกาว ถังขนมปัง เป็นต้น ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีที่ 890/2560 ลงวันที่ 26 กันยายน 2560 โดยจับได้ที่ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 เวลา 19.00 น. โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม และทำให้เสียทรัพย์
ทั้งนี้ จากการสืบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ในคดีให้การว่าได้ยินเสียระเบิดดังกล่าวจึงลุกออกมา พบเห็นไฟลุกไหม้ และมีชายสวมหมวกสีขาว เสื้อสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์สีดำออกไป มุ่งหน้าทางด้านถนนศรีนครินทร์ จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้เข้าไปยังบริเวณที่เกิดเหตุพบว่ามีกลิ่นแก๊สหุงต้มฟุ้งกระจายอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าแก๊สหุงต้มบริเวณร้านไก่ย่างห้าดาวถูกเปิดอยู่ จากนั้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเรื่อยมาจนถึง ท้ายซอยกรุงเทพกรีฑา 15/1 พบว่า คนร้ายหายไป แต่บริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า มีบริเวณพื้นที่รกร้าง ท้ายซอยก่อนถึงหมู่บ้านเศรษฐศิริ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณโดยรอบสระน้ำดังกล่าว พบเศษเทปสีดำ 2 ชิ้น ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว เลยได้ประสานนักประดาน้ำเมื่อตรวจสอบในสระน้ำ เข้าตรวจสอบภายในบ่อน้ำดังกล่าวพบกระเป๋าเป้ใบใหญ่มีน้ำหนักมาก จึงได้ให้นักประดาน้ำนำกระเป๋าใบดังกล่าวขึ้นมาตรวจสอบ พบ 1. หมวกกันน็อกสีน้ำเงิน (มีร่องรอยการขูดลบเอกลักษณ์บนหมวก) 2. ถุงขนมปังยี่ห้อเอพลัสไส้สังขยา 1 ถุง 3. ถุงมือ 1 คู่ 4. ถุงเท้า 1 คู่ เสื้อคลุม 3 ตัว 5. กางเกง 2 ตัว 6. รองเท้ายี่ห้อคอนเวิร์ส ไซส์ 46.5 จำนวน 1 คู่ 7. หน้ากากปีศาจ 1 อัน 8. ลูกบอลพร้อมสายยาง จำนวน 1 ชุด 9. เงินสดจำนวน 3,100 บาท 10. กระเป๋าสีดำใบใหญ่ จำนวน 1 ใบ 11. เทปสีดำจำนวนหลายชิ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของคนร้ายที่ก่อเหตุและนำมาทิ้งไว้ เนื่องจากมีเงินสดตกอยู่ภายในกระเป๋า และได้ตรวจสอบบริเวณรอบข้างพบ พลั่วสนาม 1 อัน 2. กระเป๋าใบเล็ก (ถูกฝังดินอยู่ข้างพลั่ว 1 ใบ 3. ถุงใส่ถุงดำยี่ห้อเทสโก้โลตัส 1 ถุง ถุงขนมปังยี่ห้อเอพลัสไส้สังขยา มีรอบรับประทานกินแล้ว 2 ถุง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดและทำการตรวจสอบ ได้ตรวจสอบถุงขนมปังยี่ห้อเอพลัส ทราบว่า เป็นขนมปังซึ่งขายเฉพาะร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เท่านั้น
จากการสังเกตทราบว่า ขนมปังดังกล่าวผลิตวันที่ 9 ก.ย. 2560 และหมดอายุวันที่ 15 ก.ย. 2560 จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจสอบร้านสะดวกซื้อ ว่า มีการจำหน่ายขนมปังยี่ห้อเอพลัส ไส้สังขยา ที่เดียวเกินกว่า 3 ชิ้น ให้ห้วงวันที่ 9 ก.ย. 2560 ถึงวันที่ 13 ก.ย. 2560 ให้กับลูกค้ารายใดบ้าง พบว่าบริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่น สาขาโรงเรียนลำสาลี ระหว่างซอยกรุงเทพกรีฑา 5 และซอยกรุงเทพกรีฑา 7 ทราบว่า มีการจำหน่ายขนมปังยี่ห้อดังกล่าว 3 ชิ้น เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2560 เวลาประมาณ 18.22 น. จึงเป็นที่ต้องสงสัย
จากนั้นตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านสะดวกซื้อดังกล่าว พบว่า เป็นชายชาวต่างชาติรูปร่างใหญ่ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงรายสก๊อตสีขาว เข้ามีซื้อขนมปังดังกล่าวและออกไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิกสีขาว (ไม่เห็นป้ายทะเบียน จากนั้นได้นำมาตรวจสอบกับสิ่งของที่น่าจะเป็นของคนร้าย พบว่ากางเกงที่ชายชาวต่างชาติคนที่เข้าไปซื้อขนมปังดังกล่าวสวมใส่ มีลักษณะตรงกับกางเกงที่ตรวจยึดได้จากที่บ่อน้ำก่อนหน้านี้ จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจร ปิดเพื่อตรวจสอบว่าชายชาวต่างชาติบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ใด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดมาถึงซอยรามคำแหง 50 พบว่าคนร้ายหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังและตำหนิรูปพรรณของคนร้ายเข้าสอบถามบุคคลที่พักอาศัยอยู่ภายในซอยรามคำแหง 50 พบว่า มีพลเมืองดี ให้การว่า เคยพบเห็นบุคคลตามภาพกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาให้ดูนี้เข้าออก บริษัท มานูก้า จำกัด ซึ่งเปิดเป็นอพาร์ตเม้นต์อยู่บ่อยครั้ง จึงได้เข้าไปตรวจสอบและหาข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า คนร้ายตามภาพกล้องวงจรปิดนั้น พักอาศัยอยู่ภายในห้องพักเลขที่ 106 บริษัท มานูก้า จำกัด อพาร์ตเม้นต์ซอยรามคำแหง 52 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ กับหญิงสัญชาติกัมพูชา คือ น.ส.สุขมี เรือน ต่อมาได้ทราบชื่อและตำหนิรูปพรรณ คือ นายกราคยาน พาเวล สแตนิช เซวสกี้ (Mr.Gracjan Pawel Stanisewski) ซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รีบดำเนินการขอหมายจับเพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี จากนั้นเมื่อศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกมายจับผู้ต้องหาดังกล่าวให้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า การก่อเหตุแบบนี้เป็นเรื่องใหม่ เพึ่งเห็นครั้งแรก ระดมกำลังทั้งนครบาลและพื้นที่อื่นๆ การทำงานร่วมกัน การสืบสวนใช้ทั้งวิธีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการติดตามตัว ตนสามารถจับคนร้ายรายนี้ได้ ส่วนผู้ต้องหาจะรับสารภาพ หรือปฏิเสธ ไม่สำคัญ ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดและควบคุมตัวไว้แล้ว ยืนยันพบทั้งดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงของชายผู้นี้ในวัตถุพยาน
ผบ.ตร. กล่าวว่า การก่อเหตุระเบิดแบบนี้ตนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเรียกว่าวิธีอะไร แต่ส่วนใหญ่จะใช้ก๊าซไฮโดรเจน ทำให้เกิดแรงดันในบอลลูนจนเกิดระเบิด จะเรียกว่าบอลลูนบอมบ์ก็ได้ คนร้ายเข้าดูพื้นที่ก่อนลงมือ 3 - 4 วัน ตรวจสอบพบเข้าออกเมืองไทย 3 - 4 ครั้ง ระหว่างประสานกับทางการโปแลนด์ผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติก่อเหตุลักษณะนี้หรือลักษณะอื่นอย่างไร มีภูมิหลังอย่างไร เพื่อเป็นฐานข้อมูล จากการสืบสวนพบว่าหลังก่อเหตุก็ไปรับภรรยาชาวกัมพูชา เดินทางไปประเทศมาเลเซียด้วยกัน คาดเป็นการพาภรรยาหนีก่อน ก่อนจะวกกลับเข้ามาในไทยอีกครั้ง มีการซื้ออุปกรณ์ในการทำระเบิดเพิ่มเติมมาจากมาเลเซีย ซึ่งพบในห้องพักในวันที่เข้าจับกุม คาดว่า เตรียมก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งคำนวณจากอุปกรณ์ที่ตระเตรียมสามารถก่อเหตุได้อีก 2 - 3 ครั้ง ตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ขอพบแต่เจ้าหน้าที่ทูต ซึ่งขณะนี้เราดำเนินการแล้ว ขณะนี้เชื่อว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่มีกลุ่มแก๊ง หรือเครือข่าย แต่การสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุอีกแล้วจะหลบหนีออกจากประเทศไทยเลย คาดจะตามภรรยาไป
อย่างไรก็ตาม ต้องขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง ร่วมถึงภรรยาของผู้ต้องหาว่ารู้เห็นการก่อเหตุนี้หรือไม่ หรือแค่ร่วมใช้เงินอย่างเดียว ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้ประสานให้ กองการต่างประเทศตรวจสอบ ประสานงานไปยังตำรวจสากล ว่า เคยเกิดเหตุลักษณะแบบนี้ที่ใดในโลกบ้าง เพื่อจะได้ประสานข้อมูลกัน เพราะเป็นไปได้ที่คนร้ายอาจเป็นคนเดียวกัน ขณะเดียวกัน สั่งการให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ไปวางมาตรการป้องกันการก่อเหตุเลียนแบบ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า หลังจากมีเหตุเกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ยืนยันว่า พยานหลักฐานชัดเจนว่าการกระทำความผิดมีความประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ขณะนี้มีหลักฐานการกระทำผิดบ่งชี้ว่า นายสแตนิช เซวกี้ ลงมือเพียงคนเดียว โดยใช้เวลาในการติดตามจับกุมตั้งแต่วันเกิดเหตุ 13 วัน