MGR Online - “บอส อยู่วิทยา” หลุดอีก 1 ข้อหา “ชนแล้วหนี” หมดอายุความพรุ่งนี้ โฆษกอัยการอ้างเป็นข้อหาเล็กน้อย ข้อหาหลักขับรถประมาทชนคนตายยังเหลืออายุความ 10 ปี กำลังติดตามตัวขอส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ด้านรองโฆษก ตร.เผยส่งหมายแดง 190 ประเทศเพื่อตามตัวแล้ว ยันไม่มี จนท.ช่วย อย่าพูดลอยๆ บอกสำนักข่าวเอพีถ้าพบตัวที่ไต้หวันให้ส่งข้อมูลมา
วันนี้ (2 ก.ย.) เมือเวลา 16.45 น. ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่คดีของนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 30 ปี ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ผู้ต้องหาตามหมายจับที่อัยการสั่งฟ้องคดีขับรถเฟอร์รารีโดยประมาทชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 จะขาดอายุความในข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชนตามสมควร และไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานในทันทีที่ชน ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ว่า แม้ข้อหาไม่หยุดรถแสดงตัวเพื่อช่วยเหลือจะขาดอายุความก็ไม่กระทบการดำเนินกระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนายวรยุทธ ผู้ต้องหาที่อัยการมีคำสั่งฟ้องไว้แล้ว ซึ่งข้อหาที่หมดอายุความนั้นมีโทษเบา ส่วนข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายที่อัตราโทษหนักยังไม่ขาดอยุความโดยมีอายุความดำเนินคดี 15 ปีนับจากเกิดเหตุ จะสิ้นสุดอายุความในปี 2570 ซึ่งตามขั้นตอนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอัยการก็แจ้งข้อมูลข้อหาหนักเป็นหลักด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นในการดำเนินกระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยังคงทำกันต่อไป
ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้าการขอส่งผู้ร้ายข้ามดำเนินการถึงขั้นไหนอย่างไรแล้วนั้น เป็นภารกิจของสำนักงานอัยการสำนักต่างประเทศที่มีนายอำนาจ โชติชัย เป็นอธิบดีฯ ดำเนินการ โดยส่วนของโฆษกฯ ยังไม่ได้รับแจ้งข้อมูลในกระบวนการดังกล่าวเพิ่มเติม ขณะที่การติดตามตัวผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวนการฟ้องคดีก็ต้องทำให้ได้ภายในอายุความที่ยังคงเหลืออยู่ ส่วนข้อหาใดที่ขาดอายุความไปแล้วสิทธิการนำคดียื่นฟ้องถูกระงับไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)
ร.ท.สมนึก โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวตอนท้ายว่า การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะต้องรู้และแจ้งพิกัดที่อยู่ในต่างประเทศขณะจะส่งคำร้องให้ชัดเจน ไม่ใช่กระบวนการที่เราจะส่งเจ้าหน้าที่ไทยไปดำเนินการจับเองในต่างประเทศได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยจะดำเนินการได้เฉพาะในเขตอำนาจประเทศไทยเท่านั้น โดยถ้าทราบพิกัดที่ชัดแจ้งแม้ประเทศที่ผู้ต้องหาพำนักไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย เราก็สามารถใช้การร้องขอความร่วมมือทางอาญาและอาศัยหลักถ้อยทีถ้อยอาศัยต่างตอบแทนกันโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยอาจเป็นผู้ใช้ช่องทางนี้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อหาหนัก กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 นั้นระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท อายุความ 15 ปีนับจากวันเกิดเหตุ
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) คดีของนายวรยุทธ จะหมดอายุความลงอีก 1 ข้อหา คือ ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่แจ้งเหตุแก่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ เนื่องจากข้อหานี้มีอายุความ 5 ปี ทำให้นายวรยุทธมีข้อหาเหลืออยู่เพียงข้อหาเดียว คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความถึง 15 ปี โดยชี้แจงว่าคดีนี้ตำรวจดำเนินการติดตามตัวทุกช่องทาง ซึ่งทางตำรวจกองการต่างประเทศ หรือตำรวจสากลไทย ได้ออกหมายจับแดงไปยัง 190 ประเทศ ให้มีการติดตามตัวนายวรยุทธ ประเทศใดพบเบาะแสจะแจ้งมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดตอบกลับมา อาจเพราะแต่ละประเทศมีหลายคดีที่ต้องดำเนินการ
ส่วนที่มีการพูดลักษณะว่าเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำว่า หากมีเบาะแสให้แจ้งมา ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ
นอกจากนี้ ตามที่สำนักข่าวเอพีได้อ้างอิงแหล่งข่าวพบเห็นนายวิทยาพักอยู่ในโรงแรมที่ไต้หวัน ช่วงเดือนพฤษภาคม ก่อนเดินทางออกนอกประเทศไปนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแจ้งมา หากทางเอพีมีข้อมูลก็ให้แจ้งกับตำรวจได้ และตำรวจก็อยากได้ตัวกลับมาดำเนินคดี
อนึ่ง พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้แจ้งข้อหาต่อนายวรยุทธ 3 ข้อหา คือ 1. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีอายุความ 1 ปี หมดอายุความ เมื่อ 3 ก.ย. 2556 ข้อหาที่ 2 ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ หมดอายุความ 3 ก.ย. 2560 และ 3. ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หมดอายุความ 3 ก.ย. 2570