เจ้าหน้าที่ลุยตรวจรีสอร์ตครบวงจร มีทั้งสวนน้ำ - เครื่องเล่นแอดเวนเจอร์ รุกพื้นที่ป่าเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี เผยทำผิดตั้งแต่ปี 50 พอปี 55 “ดีเอสไอ” เข้าจัดการ แต่คดีไม่คืบก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. ประสานกับ นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายครรชิต ศรีนะวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร กว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นสิ่งปลูกสร้างใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งกำลังก่อสร้างเป็นรีสอร์ตและสวนน้ำ หลังตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 225 ไร่
จากการตรวจสอบพบว่า ภายในพื้นที่ได้ก่อสร้างเป็นรีสอร์ตที่พัก และสวนน้ำ พร้อมกับเครื่องเล่นต่างๆ แบบแอดเวนเจอร์ครบวงจร โดยการสำรวจลึกเข้าไปในพื้นที่ติดเชิงเขาใหญ่ ยังพบมีการสร้างฝายทดน้ำที่ไหลลงมาจากพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำให้เข้ามายังพื้นที่ และเป็นการสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่อุทยานฯ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรังวัดพื้นที่ที่รุกล้ำพบว่าเป็นพื้นที่จำนวน 1 งาน 70 ตารางวา
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการรุกล้ำพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นจากเดิมรวมทั้งสิ้น 7 แปลง รวมจำนวน 68 ไร่อีกด้วย จึงให้พนักงานสอบสวน สภ.ประจันตคาม ดำเนินคดีในมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ในกรณีที่มีการผ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ เป็นเหตุให้มีสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ หรือมีสิ่งอื่นใดในอุทยานแห่งชาติผิดไปจากสภาพเดิม
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีการรุกล้ำตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา จนกระทั่งปี 2555 ทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ )ได้เข้ามาตรวจสอบที่ดินจำนวน 22 แปลง รวม 225 ไร่ จนกระทั่งพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ แต่จนปัจจุบันคดียังไม่ความคืบหน้าก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป กระทั่งปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง ได้ตรวจข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ พบว่า ยังคงมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำในเขตอุทยานฯเพิ่มเติมมากขึ้นไปอีก จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลก่อนที่จะเข้าตรวจสอบดังกล่าว
พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบในวันนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลทั้งหมด เพื่อนำกลับไปประกอบสำนวน เพื่อส่งไปยัง พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. ก่อนที่จะส่งเรื่องต่อไปยังกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤมิชอบในวงราชการ เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของที่ต่อไป โดยจะต้องมีการเรียกสอบปากคำผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นกยก อบต. และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนขยายผลว่ามีใครที่ร่วมกระทำความผิดด้วย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่การก่อสร้างรุกพื้นที่ป่านานขนาดนี้จะไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น
ด้าน นายทิวา วัชรกาฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมานั้น การสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในพื้นที่จะต้องมีการแจ้งกับองค์การบริหารส่วนตำบลก่อนการปลูกสร้าง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวพบข้อมูลว่ามีการก่อสร้างมานานนับ 10 ปี จึงจะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดว่าสิ่งปลูกสร้างใดก่อสร้างก่อนและหลังปี 2554 และมีส่วนใดรุกล้ำเข้าไปในเขตอุทยานฯบ้าง อีกทั้งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะหาผู้ที่ครอบครองที่ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามในมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504