เจ้าหน้าที่บุกภัตตาคารอาหารจีน ย่านวังทองหลาง ลักลอบขายอาหารที่ทำจากสัตว์ป่าคุ้มครอง เจอของกลางเพียบ ทั้งงู-ตะพาบ-เต่า เผยเคยจับกุมไปแล้วเมื่อต้นปี แต่แอบมาเปิดใหม่
วันที่ 9 ส.ค. เมื่อเวลา 19.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกกสน.วังทองหลาง นายถิรเดช ปาละสุวรรณ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่า (เหยี่ยวดง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว 191 และ บก.ปทส. กว่า 20 นาย เข้าตรวจค้นภัตตาคาร หลวง โตโต เลขที่ 256 ถนนศรีวรา แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. หลังได้รับแจ้งว่าเป็นแหล่งลักลอบขายอาหารที่ปรุงจากซากสัตว์ป่าคุ้มครอง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น จำนวน 2 คูหา ริมถนนศรีวรา เปิดเป็นภัตตาคารอาหารจีนชื่อภัตตาคาร หลวง โตโต ชั้นล่างเป็นห้องอาหารและแคชเชียร์ และห้องครัว บนโต๊ะมีงูเห่า ถูกปรุงเป็นอาหารวางเตรียมไว้รอลูกค้าจำนวน 2 จาน ชั้น 2 แบ่งเป็นห้องอาหารอีก 2 ห้อง เจ้าหน้าที่พบโหลสุราดองภายในบรรจุหัวงูชนิดต่างๆ จำนวน 2 โหล ด้านหลังเป็นในส่วนห้องชำแหละ และยังพบบ่อปูนจำนวน 4 บ่อ แบ่งเป็นบ่อตะพาบ 2 บ่อ บ่องูเห่า 1 บ่อ บ่องูสิงห์ 1 บ่อ จากการตรวจสอบพบงูสิงห์ 2 ตัว ตะพาบไทย 21 ตัว เต่าบัว 1 ตัว และซากตัวนิ่ม 1 ตัว ชั้น 3 และชั้น 4 เป็นในส่วนห้องพัก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายจะมู้ แซ่หยี่ อายุ 66 ปี ชาวเชียงราย ผู้ดูแลร้าน และคนงานชาวพม่าอีก 6 คน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดสัตว์ทั้งหมดและควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้สอบสวน
จากการสอบสวนนายจะมู้ให้การอ้างว่าร้านนี้เปิดมานานกว่า 8 ปี ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นชาวจีน ถ้าเป็นลูกค้าประจำก็จะมีการโทร.มาสั่งไว้ก่อนทางร้านก็จะทำอาหารเตรียมไว้ให้ หากเป็นลูกค้าขาจรเมื่อมาถึงร้านก็จะเข้ามาสั่งที่ร้าน โดยจะมีเมนูอาหารให้ลูกค้าสั่งตามต้องการ ซึ่งเมนูส่วนใหญ่ก็จะเป็นงู และตะพาบ
พ.ต.อ.อาชยนกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นบูรณาการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 บก.ปทส. เข้าตรวจสอบร้านอาหารแห่งนี้ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบนำสัตว์ป่ามาปรุงเป็นอาหาร จากการตรวจสอบพบงูสิงห์ 4 ตัว ตะพาบไทย 21 ตัว เต่าบัว 1 ตัว ซากตัวนิ่ม 1 ตัว และยังพบงูเห่าซึ่งถูกขังไว้ อีกประมาณ 10 ตัว ถึงงูเห่าจะไม่ถือว่าเป็นสัตว์สงวน แต่ก็ผิดที่นำมากักขัง
พ.ต.อ.อาชยนกล่าวอีกว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม มีการเชือด ชำแหละภายในร้าน และมีการขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยอ้างสรรพคุณเรื่องยาบำรุงกำลัง และยาโด๊ป จากการตรวจสอบพบมีการกระทำผิดในหลายกรณี ซึ่งมีการครอบครองสัตว์ที่ต้องได้รับการควบคุม นอกจากนี้ พนักงานในร้านก็จะต้องทำการตรวจสอบว่ามีการเข้าเมืองมาอย่างถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ตามจะต้องตรวจสอบไปถึงผู้เช่าอาคารดังกล่าว รวมถึงบุคคลที่นำสัตว์มาส่งให้ครบถ้วนทุกกระบวนการ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปล่อยปละละเลยได้มีการเข้าจับกุมร้านดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ได้ของกลางเป็นเต่าเพียง 1 ตัว แต่เจ้าของกลับลักลอบแอบมาเปิดใหม่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาตรวจสอบและจับกุมอีกครั้ง ทั้งนี้จะมีการจำหน่ายงูเล็กราคาตัวละ 1 พันบาท งูใหญ่ 3 พัน ส่วนตัวนิ่มมีการซื้อขายกันราคากิโลกรัมละเป็นหมื่น และจะมีการแบ่งค่าน้ำให้กับมัคคุเทศก์
ด้านนายถิรเดชกล่าวว่า สัตว์ทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ในวันนี้ถือว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เบื้องต้นจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ดำเนินคดีข้อหาครอบครองและจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนของกลางทั้งหมดจะนำเข้าทำการคัดแยกที่กรมอุทยานฯ ว่าเป็นชนิดใดบ้าง ก่อนส่งต่อศูนย์พักฟื้นกรมอุทยานก่อนนำปล่อยสู่ธรรมชาติต่อไป