MGR Online - พบรถ อบต.สาวถูกคนมีสีอุ้มแล้ว เข้าอู่เปลี่ยนสี ตำรวจควาญหาตัวไม่แน่ใจยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จับสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายอยู่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เตรียมระดมพลิกแผ่นดินครั้งใหญ่ แฉคนมีสีต้องสงสัยยังกบดานเงียบแต่มีมือมืดปลอมเฟซบุ๊ก ทิ้งรอยทำทีมีปัญหาอยากไปใช้ชีวิตใหม่ ลืมปัญหาเก่า แต่เมื่อญาติต้อนให้ตอบรายละเอียดไม่สามารถตอบได้ เชื่อคนร้ายทำเพื่อลวงเจ้าหน้าที่
จากกรณี นายบุญมี อุ่นอ่อน อายุ 62 ปีกับญาติๆร้องเรียนสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2560 ว่า น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผอ.ศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่าลูกสาวหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาหลังไปส่งลูกสาววัย 8 ขวบตามปกติที่โรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ แต่พอตกเย็นได้โทรศัพท์ให้ตาไปรับ จากวันนั้นจนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บึงละมูล และให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ว่าลูกสาวน่าจะอยู่ในอันตรายหรือเสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากเป็นคนรักลูกมากไม่น่าจะกล้าทิ้งไปเป็นเวลานานขนาดนี้ สำหรับผู้ต้องสงสัยคือคนมีสีที่มีภรรยาแล้วแต่มาติดพันกับลูกสาว ซึ่งทางน.ส.จุฑาภรณ์ ยังอยู่กินกับนายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปีอาชีพต้นหนเรือเดินทะเลซึ่ง 1 เดือนจะกลับมาเยี่ยมครอบครัว
ทางด้านตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนพบว่ารถยนต์ เก๋งโตโยต้า วีแอส สีบรอนซ์ ทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ พาหนะประจำตัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ ซึ่งหายไปพร้อมกันนั้นพบว่ามีการโอนลอยขายให้กับ น.ส.สุชาดา ไม่ทราบนามสกุลต่อมาได้ขายอีกทอดให้กับเต็นท์รถแห่งหนึ่งและมีการรีบแปลงสภาพด้วยการเปลี่ยนสีด้วยจึงอายัดไว้ก่อนให้กองวิทยาการ เข้าตรวจหาหลักฐานและ ดีเอ็นเอ. ล่าสุดทีมสวนภาค 4 ตามสัญญาณโทรศัพท์พบว่ามีการเดินทางไปยัง จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และจุดสุดท้ายมาหยุดที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ก่อนหายไป
สำหรับร่องรอยทางคดีที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเฟสบุ๊กของ น.ส.อ้อย หรือจุฑาภรณ์ ซึ่งปรากฏว่าหลังการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นปรากฏว่ายังมีการโพสต์ข้อความต่างๆ อยู่เป็นระยะๆ แต่เมื่อพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลแล้วยังมีข้อมูลที่น่าสงสัยหลายประการ เช่นเมื่อขอดูหน้าจะทำแค่ส่วนบนเห็นแค่ตากับหน้าผาก อีกทั้งคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลงรายละเอียดอาทิเคยซื้อต้นทุเรียน ให้นายบุญมี กี่ต้นไม่สามารถตอบได้ดังนั้นข้อมูลการเคลื่อนไหวของสาว อบต.ที่ถูกโพสต์ข้อความและภาพถ่ายเป็นระยะๆ และยังมีการทิ้งข้อความทำนองว่าไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมอีกแล้ว และบอกให้ทุกคนไม่ต้องห่วง อย่างไรก็ตามตำรวจลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเฟซบุ๊กปลอมปลอมที่ทำมาเพื่อลวงให้หลงทางหรือเบี่ยงเบนแนวทางสืบสวนเท่านั้น
มีรายงานด้วยว่าขณะนี้ฝ่ายสืบสวน บช.ภ.3 ได้รวบรวมพยานต่างๆไว้ค่อนข้างหนาแน่นเช่นหลักฐานการโอนลอย ตลอดจนการซื้อขายรถวีออส โดยโอนเงินผ่านไอแบงก์กิ้งและเข้าบัญชีมารดาของคนมีสีครั้งละ 2 หมื่นบาท 5 - 7 หมื่นบาทรวมเกือบ 3 แสนบาท ซึ่งมีพยานค่อนข้างแน่นหนาส่วนคดีอุ้มหายตัวนั้นอาจจะไม่สามารถออกหมายจับได้ในเร็ววันนี้ นอกจากนั้นหลังตกเป็นเป้าสงสัยคนมีสีดังกล่าวยังคงกบดานอยู่หน่วยงานทหารแห่งหนึ่งย่านเขาพระวิหาร