MGR Online - บช.ปส.แถลงรวบเครือข่ายค้ายานรกปากเซ ขนไอซ์ 400 กก. ลำเลียงยาเสพติดจากหนองคายล่องใต้ปลายทางประเทศมาเลเซีย ราคาส่งกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท รวบตัวผู้ต้องหาได้ 11 ราย
วันนี้ (3 ส.ค.) เวลา 10.15 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายปากเซ มีผู้ต้องหา 11 คน ประกอบด้วย นายโกศล ศรีมงคล อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 11 ต.ท่าเหิง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์, น.ส.ชนิดาภา ฝรัตนติสร้อย อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 3 ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย, นายศักดิ์ชัย ปลื้มโชค อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 14 ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ, นายอนุสรณ์ ศิริญากรณ์ศิริกุล อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ที่ 3 ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย, นายสมบัติ สิมมาพิมพ์ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 14 ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ, น.ส.รุสนี มะสาและ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 89 ถ.ศิริไชยชาญ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส, นายยะหยา เปาะแม อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 145 หมู่ที่ 2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส, น.ส.ชนิศา มะสาและ อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 38/1 ถ.ยะกัง 2 ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส, นางวันทา โคตะวงษ์ อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 3 ต.อุดมพร อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย, น.ส.อมราภรณ์ โคตะวงษ์ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 276 หมู่ที่ 3 ต.อุดมพร อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย และนายพิชิต ฝชัยภูมิ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 11/4 ซ.พลังช้างเผือก 1 ต.ทางเกวียน อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมของกลางไอซ์ จำนวน 400 ก้อน น้ำหนักรวมประมาณ 400 กิโลกรัม รถถยนต์ 5 คัน และโทรศัพท์มือถือ 19 เครื่อง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ที่บริเวณกาสะลองรีสอร์ท เลขที่ 200/1 หมู่ที่ 13 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อเนื่องบริเวณเขื่อนเพชรรีสอร์ท หมู่ที่ 2 ถ.ไพศาลอุทิศ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และบริเวณบ้านเลขที่ 79 ซ. 3 ต.ทางเกวียน อ.แกลง จ.ระยอง และบริเวณบ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 3 ต.อุดมพร อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย
โดยพฤติการณ์แห่งการจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนข้อมูลความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนด้าน จ.หนองคาย ไปส่งต่อให้ลูกค้าในพื้นที่ตอนใน และพื้นที่ภาคใต้ ต่อมาวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมาได้ร่วมกันสืบสวนพบข้อมูลเพิ่มเติมว่ากลุ่มนักค้ายาเสพติดจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยใช้เส้นทางจากจ.หนองคาย ผ่านทางจ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.นนทบุรี จ.สมุทรสาคร จ.เพชรบุรี เพื่อส่งมอบยาเสพติดให้แก่ผู้ซื้อที่รอรับในพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งกลุ่มนักค้ายาเสพติดดังกล่าวจะใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน สฉ 6630 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กด 6141 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร สีเทา หมายเลขทะเบียน กธ 5151 ขอนแก่น เป็นยานพาหนะใช้ในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุมกลุ่มนักค้ายาเสพติดนี้ โดยได้จัดกำลังในการปฏิบัติการเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางต่างๆ ดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.00 น.ได้พบขบวนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน สฉ 6630 กรุงเทพมหานคร ขับนำหน้ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กด 6141 กรุงเทพมหานคร ขับอยู่กลางของขบวน และรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร สีเทา หมายเลขทะเบียน กธ 5151 ขอนแก่น ขับอยู่ท้ายสุดของขบวน โดยรถยนต์ทั้งสามคันขับทิ้งระยะห่างประมาณ 1 ถึง 2 กิโลเมตร ขับไปตามถนนมิตรภาพ โดยมุ่งหน้าออกจากพื้นที่ จ.หนองคาย เข้าสู่ จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น และเมื่อไปถึงสี่แยกเจริญศรี ถ.เหล่านาดี เส้นทางตัดผ่านกลางเมือง จ.ขอนแก่น กลุ่มนักค้ายาเสพติดได้ขับรถยนต์เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปตามเส้นทาง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น แล้วขับเข้าไปในบริเวณกาสะลองรีสอร์ท เลขที่ 200/1 หมู่ที่ 13 ถ.เลี่ยงเมืองขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ได้ติดตามเข้าไปบริเวณดังกล่าวเพื่อทำการตรวจค้น พบผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 5 พร้อมรถยนต์ทั้งสามคัน ผลการตรวจค้นพบไอซ์วางอยู่ข้างในรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ จำนวนประมาณ 400 กิโลกรัม จึงทำการจับกุมควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดี
ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการในการลำเลียงยาเสพติดจึงดำเนินการขยายผลจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 6 ถึง 8 ที่ทำหน้าที่มาลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจับกุมที่บริเวณเขื่อนเพชรรีสอร์ท หมู่ที่ 2 ถ.ไพศาลอุทิศ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดี จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนขยายผลทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการในการลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้อีก คือ นางวันทา หรือนางทา หรือยายทา โคตะวงษ์ เป็นคนสั่งการร่วมกับบุตรสาว คือ น.ส.อมราภรณ์ หรือต่าย โคตะวงษ์ และนายพิชิต ชัยภูมิ สามีของ น.ส.อมราภรณ์ จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจัผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย (ผู้ต้องหาที่ 9 ถึง 11) ไปดำเนินคดี
นอกจากนี้ บช.ปส.ได้ผสานกำลังปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องและจับกุมบุคคลตามหมายจับในห้วงวันที่ 1 ถึง 4 ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 20 เป้าหมาย แบ่งเป็นพื้นที่ภาคเหนือ 1 จุด ภาคอีสาน 12 จุด, ภาคกลาง 4 จุด และภาคใต้ 3 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 3 ราย พร้อมทำการตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ มูลค่าประมาณ 18 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.สมหมายเปิดเผยว่า นางวันทา หรือยายทา ซึ่งเป็นคนสั่งการในการลำเลียงไอซ์ล็อตที่จับกุมในครั้งนี้ปกติจะลักลอบลำเลียงไม้พะยูง และกัญชา แต่ช่วงนี้ไม้พยุงถูกกวดขันเข้มงวดการจับกุมมากจึงหันมาลำเลียงไอซ์แทน ซึ่งมีราคากำไรเท่าตัว ไอซ์ล็อตนี้ปลายทางคือประเทศมาเลเซียซึ่งมีราคาส่งกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท ยังไม่นับราคาขายปลีก อีกทั้งไอซ์ที่ผลิตมาในล็อตนี้มีความบริสุทธิ์หรือความเข้มข้นถึงร้อยละ 95
พล.ต.ท.สมหมายเปิดเผยอีกว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นมีการลักลักลำเลียงเข้ามาจำหน่ายกันมากขึ้นก็เพราะว่ากระทำได้ง่ายได้กำไรมหาศาล ประกอบกับปัจจุบันระบบเศรษฐกิจโลกที่กำลังย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้น ทองคำ และน้ำมันที่กำลังดิ่งลง จึงเป็นสาเหตุให้คนหันมาลักลอบจำหน่ายยาเสพติดมากขึ้น ทำให้เกิดผู้เสพมีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลร้ายต่อผู้เสพซึ่งยาเสพติดในแต่ละชนิดทำให้ผู้เสพขาดสติและเป็นแรงกระตุ้นนำไปสู่การก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ