xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ประชุมประเมินสถานการณ์วันแถลงปิดคดี - ตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว - “สมชาย” สั่งสลาย พธม.หวั่นมือที่ 3 สร้างสถานการณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ศรีวราห์” ประชุมร่วมหน่วยงานความมั่นคง ประเมินสถานการณ์รับมือมวลชนเข้าฟังแถลงปิดคดี-ตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว และ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ห่วงมือที่ 3 ป่วน จ่อเอาผิด 2 ราย ยุยงปลุกปั่นผ่านโซเชียลฯ



วันนี้ (26 ก.ค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง (รอง ผบ.ตร.มค.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ กรณีศาลฎีกาฯ กำหนดอ่านคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2560 โดยมีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ พื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนผู้ให้การสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อย ที่เกี่ยวเนื่องกับการตัดสินคดีจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลย ซึ่งมีกำหนดแถลงปิดคดีในวันที่ 1 สิงหาคม และตัดสินคดีในวันที่ 25 ส.ค. รวมทั้งการอ่านคำตัดสินคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.เป็นจำเลย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ส.ค.นี้

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าในการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยใช้แผนกรกฎ 52 เป็นแผนหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งเรื่องความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทั้งนี้เรื่องที่เป็นห่วงและกังวลก็คือ ความปลอดภัย และการก่อเหตุของมือที่ 3 ที่อาจเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการจราจรบริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในส่วนของการจราจรนั้นสั่งการให้ สน.ทุ่งสองห้อง ไปประเมินสถานการณ์และวางแผนปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ขณะที่เรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีแนวคิดรุนแรง หรือกลุ่มมือที่ 3 นั้นสั่งการให้ตำรวจสันติบาลและตำรวจสืบสวนในพื้นที่เป้าหมายติดตามความเคลื่อนไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันที่ 1 ส.ค.จะมีมวลชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ประมาณ 1,000 คน ส่วนกำลังของเจ้าหน้าที่นั้นยังอยู่ระหว่างการประเมิน ว่าจะใช้กำลังเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมและจะต้องดึงกำลังจากหน่วยใดบ้างมาช่วยกำลังของตำรวจนครบาลในการดูแลความสงบเรียบร้อย

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า สั่งการให้ บช.ภ.5 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคเหนือไปติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พบมีความเคลื่อนไหวในลักษณะที่อาจเข้าข่ายระดมมวลชนยุยงปลุกปั่นซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยขณะนี้พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนในลักษณะของการชักชวนกันทางโซเชียลมีเดีย เป็นลักษณะของการนัดรวมตัวกันหรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจเข้าข่ายปลุกระดมมวลชนจึงสั่งการให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ติดตามกลุ่มโซเชียลมีเดียกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดแล้วรวมทั้งความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียการโพสต์ข้อความการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มนักการเมืองหรือกลุ่มแกนนำทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการโพสต์ของ น.ส.ยิ่งลักษ์เอง หากพบว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ หรือขัดคำสั่งคสช. กระทบต่อความมั่นคงก็จะต้องดำเนินคดีทุกราย โดยขณะนี้ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่จับตาอยู่ 1 ถึง 2 ราย ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญาก็สั่งการให้ไปดำเนินการตามกฎหมาย

“นอกจากนี้ยังพบพฤติการณ์ของการนัดรวมตัวระดมมวลชนโดยมีการจัดรถตู้ให้มารวมตัวซึ่งเหมือนทุกครั้งที่มีการนัดคดีนี้ก็จะมีการจัดรถให้มวลชนมาที่ศาล โดยจะอ้างว่ามาสักการะพระบรมศพ ทั้งนี้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีการห้ามหรือสกัดแต่อย่างใด จะอำนวยความสะดวกให้ แต่หากมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดกฎหมาย เช่น ผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะหรือกฎหมายอื่นๆ ก็ต้องดำเนินการทันที อย่างเช่นการรวมตัวกันให้กำลังใจก็ต้องดูว่าเข้าข่ายชุมนุมหรือไม่ หากจะมีการชุมนุมก็ต้องขออนุญาตต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน การมาให้กำลังใจก็ต้องให้กำลังใจเฉยเฉยไม่ใช่การรวมตัวอย่างอื่น และต้องไม่พกอาวุธ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจตราอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ หรือขอใช้อำนาจ ม.44 ออกคำสั่งใดๆ แต่ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกคำสั่งมา 7 ฉบับให้ตำรวจทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามสืบสวนเฝ้าระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวาย รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด” รอง ผบ.ตร.ระบุ

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงกังวลคือ การก่อความรุนแรงของกลุ่มมือที่ 3 กลุ่มหัวรุนแรง จึงสั่งการให้ทั่วประเทศติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่ม รวมทั้งเฝ้าระวังการลักลอบขนอาวุธที่อาจนำมาใช้ในการก่อสถานการณ์ความรุนแรง ส่วนการพูดคุยกับแกนนำ นปช. หรือแกนนำกลุ่มการเมืองอื่นๆ นั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารส่วนของตำรวจเพียงแต่ดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวาย ละเมิดกฎหมายเท่านั้น

“ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ห้ามการมาให้กำลังใจมวลชนสามารถเดินทางมาได้แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายทำตามกบิลบ้านกบิลเมือง ไม่ก่อความวุ่นวาย ส่วนความรู้สึกของมวลชนหลังจากที่ศาลมีคำตัดสินในคดีจำนำข้าวนั้นผมคงบอกไม่ได้ ผมมีหน้าที่เพียงดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายไม่ให้มีการละเมิดกฎหมาย ทั้งนี้หากมีความจำเป็นผมก็จะบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตัวเอง” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว และว่า การประชุมในวันนี้เพื่อเตรียมการรับมือการแถลงปิดคดีในวันที่ 1 สิงหาคม และจะมีการประชุมอีกครั้งก่อนวันอ่านคำตัดสิน

ด้าน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้านความมั่นคง กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ในวันที่ 1 สิงหาคม ไม่มีอะไรน่ากังวล เนื่องจากเป็นวันแถลงปิดคดี ก็คล้ายกับทุกนัดที่ผ่านมา แต่ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ วันที่ 25 สิงหาคม โดยในวันที่ 15 สิงหาคม ทางศาลฯ ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งขอบเขตในการปฏิบัติต่างๆ จากนั้นในวันที่ 17 สิงหาคม ต้นจะเชิญประชุมหน่วยงานต่างๆ ทางตำรวจสันติบาลสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และกองทัพ เพื่อหารือวางแผนดูแลความสงบเรียบร้อยในวันที่ 25 ส.ค.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น