MGR Online - ป.ป.ท.แถลงสรุปผลการตรวจค้นโกดังข้าวคดีทุจริตทั่วประเทศ 990 คดีโครงการรับจำนำข้าว 54-57 ในพื้นที่เขต 6 ภาคเหนือตอนล่าง รวม 8 จังหวัดสูงสุดเสียหายถึง 9 หมื่นกว่าล้านบาท
วันนี้ (24 ก.ค.) เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 6 (ป.ป.ท.) จ.พิษณุโลก นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะเลขาธิการ ศอตช. พร้อมด้วย พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. พ.ต.อ.กษิดิศ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผอ.ป.ป.ท.เขต 6 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมสรุปคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้า พื้นที่เขต 6
นายประยงค์เปิดเผยว่า คดีทุจริตดังกล่าวมีทั่วประเทศ 990 คดี แต่อยู่ในพื้นที่เขต 6 รวม 8 จังหวัด จำนวน 506 คดี ซึ่งมีปริมาณเยอะมาก มีมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 9 หมื่นกว่าล้านบาทจากแสนกว่าล้านบาท โดยพบทุจริตมากสุด คือ จ.นครสวรรค์ จ.กำแพงเพชร ซึ่งพฤติการณ์น่าเป็นห่วงและมีปัญหาเชิงระบบ หากเกิดปล่อยไว้จะเกิดความเสียหายในอนาคต จึงต้องมาทำการศึกษาอย่างถ่องแท้เพราะว่าถ้าปล่อยไว้มันเป็นปัญหาในระยะยาว
“การดำเนินการของ ป.ป.ท.ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวเมื่อปี 2554-2557 ซึ่งจริงแล้ว ป.ป.ท.ทำมาตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา จำนวนคดีจึงมีเยอะมากเพราะเป็นโครงการเก็บรักษาข้าวด้วย รวมถึง ในส่วนของจำนวนข้าวเยอะเกินไปตามสื่อหรือนักวิชาการเสนอแนะเจ้าหน้าที่ก็มีความกังวลจึงได้ไปตรวจสอบแต่ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อน โดยแต่ละคดีเป็นข้อมูลที่ได้จากทางคลังสินค้าและองค์การตลาดกล่าวโทษร้องทุกข์” เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กษิดิศกล่าวว่า ขณะนี้ทาง ป.ป.ท.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้า ซึ่งเป็นข้าวในโครงการต่างๆ ตั้งแต่ปี 51-57 รวมรวมทั้งสิ้น 990 คดี สำหรับข้อมูลคดีข้าวในเขต 6 พบทุจริต 8 จังหวัดจาก 9 จังหวัด ประกอบด้วย 1. กำแพงเพชร 102 คดี 2. นครสวรรค์ 201 คดี 3. พิจิตร 60 คดี 4. พิษณุโลก 56 คดี 5. เพชรบรูณ์ 46 คดี 6. สุโขทัย 12 คดี 7. อุตรดิตถ์ 2 คดี 8. อุทัยธานี 27 คดี และ 9. ตาก ไม่พบทุจริต รวม 506 คดี
พ.ต.อ.กษิดิศกล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ลงตรวจสอบครั้งนี้เป็นคลังชินธนทรัพย์ หลังที่ 1 อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เข้าร่วมโครงการปี 2555/56 กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ เก็บข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ในคลังพบข้าวบางส่วนเป็นปี 2552-2553 และนาปรัง 2555 รวมทั้ง มาจาก จ.พิษณุโลก ซึ่งไม่ใช่ข้าวของจังหวัดสุโขทัย ข้าวมีสภาพเก่าและเป็นปลายข้าว ไม่ใช่ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ตามโครงการฯ
“ข้าวที่ร่วมโครงการฯ จะสามารถทราบได้ด้วยตาเปล่าทันทีว่าเป็นข้าวโครงการปีใด ข้าวชนิดใด และมาจากจังหวัดใด เพราะจะระบุไว้บนกระสอบทุกใบ และยังมีสีเชือกที่ระบุว่าโครงการใด ซึ่งมีสีแตกต่างกัน” พ.ต.อ.กษิดิศกล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายประยงค์พร้อมคณะเดินทางไปที่คลังสินค้ากลาง (โกดังเก็บข้าว) หจก.ชินธนทรัพย์ (หลังที่ 1) เลขที่ 8 หมู่ 10 ต.เกาะตาเลี่ยง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบข้าวในกระสอบ
นายประยงค์เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบว่า การเดินทางมาลงพื้นที่ในวันนี้เพราะได้รับรายงานจาก ประธานอนุกรรมการกำกับติดตามไต่สวนคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า น่าจะมีความเสียหายในเชิงระบบระยะยาว ซึ่งโครงการเช่าคลังสินค้า ปี 55-56 เป็นโครงการรับจำนำข้าวนาปีและนาปรัง เป็นชนิดข้าว 5 เปอร์เซ็นต์ ที่เก็บในโกดังแห่งนี้ 2.9 แสนกระสอบ ขณะนี้ระบายออกไปเยอะแล้ว ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 40,000-50,000 กระสอบ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อเท็ขจริงจากการไต่สวนและตรวจสอบพบว่ามีเหตุบ่งบอกหลายอย่างที่ไม่ได้เป็นไปตามสัญญาเนื่องจากมีกระสอบข้าวที่เพิ่มขึ้นจากข้าวนาปรังเมื่อปี 52 เป็นข้าวของโครงการปี 51-53 และมีปลายข้าวผสมอยู่
เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวบ่งบอกว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งทำไม่ได้เพราะต้องมีทั้งคนส่ง คนรับ คนเฝ้าและเปิด-ปิดคลัง ซึ่งการกระทำเช่นนี้หากไม่หาทางป้องกันต่อไปภายภาคหน้าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก รวมถึงหลังมาตรวจสอบวันนี้เมื่อเห็นสภาพแล้วน่าจะเป็นการร่วมกันกระทำตั้งแต่ต้นทุกฝ่าย และทำให้สงสัยว่ามีการวางแผนตั้งแต่ต้นหรือไม่ เพราะดูแล้วมีขบวนการรับจำนำและแปรสภาพการรับส่ง-จำหน่าย โดยเจ้าหน้าที่ปกติไม่กล้าทำเพราะทำแล้วสักวันนึง ในขั้นตอนการนำไปจำหน่ายเรื่องจะแดง
“นอกจากนี้ หากไม่มีการตรวจสอบพบความเสียหายก่อนถ้ามีการจำหน่ายข้าวไปหมดแล้วจะไม่พบร่องรอยความเสียหาย เพราะฉะนั้นจึงได้ดำเนินการมาดูข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต และไม่ให้เกิดขึ้นอีก หลังจากนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนจะดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป ส่วนของ ศอตช.ก็จะสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นแนวทางแก้ปัญหาต่อไป”
นายประยงค์กล่าวต่อว่า ส่วนการเวียนเทียนนำข้าวออกไปขายนั้นบ่งบอกได้ว่าหากเป็นข้าวปี 51-52 อาจเป็นว่ามีการนำข้าวเก่ามาขายหรือไม่เพราะโครงการปีดังกล่าวมีกระสอบอยู่ แต่โครงการใหม่ต้องมีตราสัญลักษณ์แบบใหม่ ตรงนี้จะต้องตรวจสอบรายละเอียดต่อไป สำหรับโกดังแห่งนี้มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสรุป แต่พบความเสียหาย 2 ลักษณะ 1. เป็นเชิงระบบ 2. เป็นความเสียหายในเชิงมูลค่า แม้อาจมองว่ามีความเสียหายไม่มากแต่หากปล่อยไว้จะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และการทุจริตข้าวลักษณะนี้มีจำนวน 12 คลังใน จ.สุโขทัย แต่จังหวัดอื่นๆ จะเป็นการทุจริตแบบข้าวล้อมกอง ข้าวสูญหาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนการเอาผิดเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าที่เกษียณอายุไปแล้วนั้นยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินคดีอาญา
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้แจ้งข้อหา ม.157 ข้อหาหลักฐานเท็จ สนับสนุนทุจริต ต่อผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย คือ เจ้าของคลังสินค้า พนักงานเฝ้าโกดัง และผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว หรือเซอร์เวเยอร์