MGR Online – “พล.ต.อ.ศรีวราห์” รับตัวนายทุนสั่งซื้ออาวุธสงครามจากกัมพูชาส่งขาย หลังจับกุมตัวได้ที่ จ.แม่ฮองสอน เผย ผู้ต้องหารับสารภาพนำอาวุธทั้งมาจากฝั่งประเทศกัมพูชา ก่อนลำเลียงเข้าทางอรัญประเทศ จ่อขยายผลล่าผู้บงการมาดำเนินคดี
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. รับมอบตัว นายพัชระ หรือหนึ่ง ใจเที่ยง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 7 ต.หนองปลิง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 151/60 ลงวันที่ 18 ก.ค. 60 ในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขุนยวม จับกุมตัวเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาภายในพื้นที่ จ.แม่ฮองสอน
พล.ต.อ.ศรีวรรห์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.สระแก้ว ร่วมกับ สภ.อรัญประเทศ สภ.เมืองสระแก้ว จับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำอาวุธสงครามจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย 1. นายพงพนา ไชยคง อายุ 38 ปี 2. นายบุญธรรม ชัยชะนะ อายุ 52 ปี 3. นายคมสัน กิจถาวรอาชีพ อายุ 30 ปี 4. นายอุทัย ชัยชะนะ อายุ 48 ปี 5. นายมีชัย หรือหมึก กลั่นประสม อายุ 44 ปี และตรวจยึดของกลางเป็นเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 82 มม. จำนวน 2 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 81 มม. จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดขนาด 82 มม. จำนวน 3 ลูก ชนวนลูกระเบิด 3 ชุด นอกจากนี้ ยังยึดรถตู้สาธารณะสาย ต.39-133 มีนบุรี-รังสิต หมายเลขทะเบียน 14-2037 กทม. โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ปั้มน้ำมัน บนถนน 359 ม.7 ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว
พล.ต.อ.ศรีวรรห์กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าอาวุธสงครามทั้งหมดนำมาจากฝั่งประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะนำขึ้นรถมาตามทางหมู่บ้านป้ายเขียว ต.ทัพพริก อ.อรัญประเทศ และการขยายผลพบว่า นายพัชระ เป็นคนสั่งซื้อและผู้ว่างจ้างในการลำเลียงอาวุธสงครามที่ถูกตรวจยึด ทั้งนี้การสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวแต่อย่างใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนและศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว
พล.ต.อ.ศรีวรรห์กล่าวอีกว่า เครือข่ายขนอาวุธสงครามนี้จากการสืบสวน ยังพบอีกว่าเคยลำเลียงอาวุธสงครามเข้าในประเทศไทยแล้วครั้งนึงซึ่งขณะนี้กำลังติดตามจับกุมและตรวจยึดของกลางอยู่ โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งขยายผลการจับครั้งนี้อีกเพื่อหาผู้บงการและผู้ร่วมเครือข่ายมาดำเนินคดีต่อไป