xs
xsm
sm
md
lg

ปธ.ศาลอุทธรณ์นัดสื่อแถลงเปิดใจครั้งสุดท้าย ส่อแววลาออกจากตำแหน่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ศิริชัย” จ่อลาออกจากตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ หลังไม่ผ่านคุณสมบัติแต่งตั้งให้เป็นประธานศาลฎีกา นัดแถลงข่าวเปิดใจเป็นครั้งสุดท้าย 14.00 น.พรุ่งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่าจะมีการตั้ง 3 กก.สอบข้อเท็จจริง" ศิริชัย"เรื่องโอนสำนวนแล้ว ซึ่งมีเวลา 30 วันหากไม่มีมูลก็พ้นมลทิน ถ้ามีมูลต้องโดนสอบวินัย

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวนายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ไม่ผ่านคุณสมบัติแต่งตั้งให้เป็นประธานศาลฎีกา ต่อมาภายหลังได้มีการกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษาประธานศาลฎีกาขึ้นมา

โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ลง “ประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม” เรื่อง กำหนดตำแหน่งและเทียบตำแหน่งข้าราชการตุลาการที่เรียกชื่ออย่างอื่น

ที่มีเนื้อหาระบุว่าอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม กำหนดให้มีตำแหน่ง “ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา” โดยเทียบกับตำแหน่งข้าราชการตุลาการ “ประธานศาลอุทธรณ์” ตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 60 เป็นต้นไป ประกาศดังกล่าวได้ลงชื่อ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกาและประธานกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม

ล่าสุด วันนี้ (17 ก.ค.) นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ได้เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ศาลอุทธรณ์ ตนจะขอแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งสุดท้ายซึ่งจะแถลงถึงแนวทางการลาออกจากราชการ และจะกล่าวถึงเหตุผลต่างๆ ให้ทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนายศิริชัยว่า ตามที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติเสียงข้างมากเสนอตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นต่อกรณีการปฏิบัติราชการของนายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ที่อนุ ก.ต.กลั่นกรองคุณสมบัติสรุปรายงานการไม่ผ่านคุณสมบัติเรื่องของการโอนสำนวนคดีนั้น

ล่าสุดในการประชุม ก.ต.วันนี้ (17ก.ค.) ทราบว่า มีการเซ็นแต่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วทั้งนี้แม้จะมีข่าวว่า นายศิริชัย ประธานศาลอุทธรณ์ เตรียมแถลงข่าวลาออกราชการในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) แต่รายงานข่าวแจ้งว่า การลาออกนั้นก็ไม่มีผลให้การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นมีผลยุติลงไป เนื่องจากมีการตั้งผู้พิพากษาที่มีอาวุโสเหมาะสมเป็นกรรมการฯแล้ว 3 คน ซึ่งจะต้องดำเนินสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป โดยตามระเบียบปฏิบัติ กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก็จะมีเวลา 30 วันในการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยานให้การ รวมทั้งการให้โอกาสนายศิริชัย เข้ามาให้ถ้อยคำพร้อมพยานที่จะโต้แย้งข้อกล่าวหา ซึ่งหากภายใน 30 วันยังดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงไม่แล้วเสร็จ ก็สามารถขยายระยะเวลาได้ โดยการรวบรวมข้อเท็จจริงนั้นเพื่อวินิจฉัยว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูลเป็นความผิดหรือไม่ หากท้ายที่สุดการสอบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้นกรรมการฯ สรุปความเห็นว่ามีมูลความผิดและเป็นความผิดทางวินัย ตามขั้นตอนก็จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป เพราะหากพบว่ามีความผิดทางวินัยก็จะมีบทลงโทษซึ่งจะมีผลต่อเรื่องของบำเหน็จ บำนาญต่อไปแม้ว่าจะมีการลาออกจากราชการไปแล้ว แต่ถ้าการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นสรุปผลว่าไม่มีมูลเป็นความผิดทางวินัย ข้อกล่าวหาก็เป็นอันยุติไป
กำลังโหลดความคิดเห็น