MGR Online - แพทย์นิติเวชเผยผลตรวจชันสูตรศพ ด.ญ.วัย 14 จากฉะเชิงเทรา พบเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ มีรอยฟกช้ำที่หน้าอก และรอยกระแทกที่ศีรษะด้านหลัง ไม่พบอุปกรณ์จัดฟันหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ตามที่ญาติสงสัย แต่แม่เชื่อลูกสาวถูกทำร้ายหวังกระทำชำเรา
วันนี้ (14.ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ น.ส.เจนจิรา แสงเกิด มารดาของ ด.ญ.บงกช หรือพลอย แสงเกิด อายุ 14 ปี ที่เสียชีวิตอย่างปริศนาภายในบ้านพักใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางมาติดต่อขอรับศพ ด.ญ.บงกช โดยเบื้องต้นญาติเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจาก อุปกรณ์เหล็กจัดฟันไหลลงลำคอจนไปอุดกับหลอดลม ขณะที่แพทย์นิติเวชระบุว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ
น.ส.เจนจิรากล่าวว่า ขณะนี้สภาพจิตใจยังคงแย่และทำใจไม่ได้ต่อการสูญเสียบุตรสาว สำหรับบุตรสาวปกติจะมีอุปนิสัยเงียบไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับสมาชิกครอบครัว แต่ส่วนใหญ่จะชอบพูดคุยกับเพื่อนมากกว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาบุตรสาวไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร แต่จะมีผู้ชายเข้ามาติดพันบ้างซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าแฟนลูกสาวคือใคร อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าบุตรสาวเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายเพื่อหวังกระทำชำเรา ขอให้ตำรวจช่วยเร่งคลี่คลายคดี
น.ส.เจนจิรากล่าวต่อไปว่า ได้รับข้อมูลเบื้องต้นจากการตรวจดูสภาพศพจากแพทย์ว่าไม่พบร่องรองการถูกทำร้าย เพียงแต่พบร่องรอยการฟกช้ำเล็กน้อยสองฝั่งบริเวณหน้าอก ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน และจากการที่ครอบครัวได้พูดคุยกับทางตำรวจทราบว่า จากการตรวจบริเวณรอบห้องนอนของผู้เสียชีวิตไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้าย เนื่องจากหากมีการถูกทำร้ายสิ่งของภายในห้องนอนจะต้องกระจัดกระจาย และจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายทราบว่าได้พูดคุยกับแฟนหนุ่มในช่วงเวลาเที่ยงคืน อย่างไรก็ตาม ยืนยันตนไม่มีแฟนใหม่ที่อาจเข้าข่ายการข่มขืนลูกสาวตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ กล่าวว่า เบื้องต้นการผ่าชันสูตรศพไม่พบเหล็กดัดฟันหรือวัสดุแปลกปลอมอื่นๆ ภายในร่างกาย แต่หากเป็นวัสดุชิ้นใหญ่ เช่น เหรียญบาท ไปอุดหลอดลมก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนการตรวจร่างกายศพพบว่ามีรอยฟกช้ำ 2 จุด บริเวณหน้าอก และพบรอยกระแทกบริเวณศีรษะด้านหลัง
ส่วนการตรวจร่องรอยว่า ด.ญ.บงกช ถูกกระทำชำเราหรือไม่นั้น พล.ต.ต.นพ.พรชัยกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่หากว่าคนร้ายใช้วิธีการหลั่งภายนอกจะทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ ทางแพทย์จะมีการเก็บชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจภายในห้องปฏิบัติการเพื่อหาดีเอ็นเอ และสารพิษตกค้างต่างๆ ที่คาดว่าจะหลงเหลืออยู่ภายในร่างกาย