MGR Online - เอาแล้วไง 1 ใน 3 ผู้ต้องหาอุ้มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นส่อเป็นแก๊งยากูซ่า พบนิ้วก้อยมือซ้ายด้วน แถมสักลายพร้อย ตำรวจผวากลิ่นอีเปรี้ยวหลอน เจอเลื่อยของกลางในห้องขังตัวประกัน เผยเสร็จโปลิศไทยเพราะรถตู้ที่ใช้ปฏิบัติการติดจีพีเอส
วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีแก๊งญี่ปุ่นลักพาตัวนักธุรกิจเครื่องมือการแพทย์ชาติเดียวกัน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทท. เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยมีการนำของกลางทั้งธนบัตรไทยและญี่ปุ่น เชือก ไม้เบสบอล และอาวุธปืนลูกโม่เทียม ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายเลโอ สึรุโซเอะ อายุ 41 ปี เป็นหัวหน้าชุดอุ้มนายวาตานาเบ้ ซินากิ อายุ 56 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บพักรักษาตัวที่ รพ.บำรุงราษฎร์ นายคิโยโตะ มิยาตะ อายุ 57 ปี ถูกจ้างมาเป็นคนขับรถ และมาซาโตะ โคบาริ อายุ 49 ปี
โดย พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า คดีนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เบื้องต้นทราบว่ามีการขอรหัสบัตรเครดิตผู้เสียหาย แต่ยังไม่มีการนำบัตรไปกดเงิน สำหรับมูลเหตุนั้นนายเลโออ้างว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องปัญหาการรับจ้างที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีก่อน ทางผู้เสียหายเคยแจ้งความต่อตำรวจ ต่อมาก็ยังไม่ยอมเลิกรา นายเรโอจึงมีการวางแผนล่อให้ผู้เสียหายออกมาเจอกันที่ย่านแจ้งวัฒนะ ก่อนทำการอุ้มไปกักขังเพื่อต้องการสั่งสอนไม่ให้มายุ่งรังควานอีก
ส่วนเลื่อยที่พบในห้องนั้น กลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าต้องการมาเลื่อยไม้เพื่อดามขาผู้เสียหายที่หักเท่านั้น ซึ่งกลุ่มคนร้ายอ้างว่าไม่ต้องการให้ตาย แค่สั่งสอนเท่านั้น ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ กำลังขยายผลว่าจะมีกลุ่มคนร้ายเพียง 3 คนหรือไม่ พร้อมตรวจสอบว่ามีคนไทยร่วมเอี่ยวด้วยหรือไม่ โดยต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเลโอเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายน มีการต่อวีซ่านักท่องเที่ยวจำนวน 1 ครั้งในเดือนพฤษภาคม วีซ่าสิ้นสุดเดือน มิ.ย.นี้ เช่นเดียวกับนายมาซาโตะที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเช่นกัน ส่วนนายคิโยโตะมีวีซ่าทำงานในประเทศไทย ทำงานเป็นคนขับรถให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในไทย ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดภายใต้การนำของนายเลโอที่ลวงผู้เสียหายจากย่านแจ้งวัฒนะไปกักขังไว้ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา และให้โทรศัพท์ติดต่อภรรยาได้เพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยรับการประสานจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย จึงออกสืบสวนโดยเร่งด่วน เพราะมีข้อมูลจากภรรยาชาวไทยของผู้เสียหายว่านายวาตานาเบ้สนทนาทางโทรศัพท์มีน้ำเสียงอ่อนล้ามาก จึงต้องทำงานแข่งกันเวลาเพราะหากช้าเกินไปนายวาตายาเบ้อาจเสียชีวิตก่อน ช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ทางตำรวจพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้เช่ารถซึ่งมีจีพีเอส และจีพีเอสของรถปรากฏอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 49 จึงนำกำลังไป ผู้ต้องหาไหวตัวขับรถหนีจนถูกชาร์จจับได้ที่ซอยสุขุมวิท 26 เค้นสอบพาตัวมายังห้องพักในซอยเอกมัย 23 จนพบผู้เสียหายถูกผ้าดำคาดปิดตาในสภาพโรยแรง จึงเรียกชื่อนายวาตานาเบ้ เมื่อผู้เสียหายได้ยินชื่อก็พยักหน้าและขยับตัวทำให้เจ้าหน้าที่โล่งใจว่ามาทันช่วยชีวิตได้สำเร็จ
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเลโอได้ว่าจ้างนายคิโยโตะมาขับรถในราคา 60,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ตำรวจพบว่า ข้อนิ้วก้อยข้างซ้ายของนายมาซาโตะหายไป และมีรอยสักคล้ายสมาชิกยากูซ่า แต่ชื่อไม่พบในสารบบคนร้ายของตำรวจญี่ปุ่น คาดว่าจะเป็นสมาชิกปลายแถว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำให้สูญเสียอิสรภาพ ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ทางนายเลโอปฏิเสธเซ็นชื่อในชั้นจับกุมขอให้การในชั้นสอบสวน ส่วนนายคิโยโตะให้การปฏิเสธทุกข้อหา ส่วนนายมาซาโอะขอปฏิเสธข้อหาปล้นทรัพย์ แต่รับสารภาพในข้อหาที่เหลือ เจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป