MGR Online - ผบ.ตร. เชื่อมือมืดอยู่เบื้องหลังแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ ป่วนราชมังฯ นัดชิงเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ หวังดิสเครดิต สมาคมฟุตบอลไทย ยันรู้ตัวแก๊ง “อัลตราไทยแลนด์” หมดแล้ว เตรียมเรียกรับทราบข้อกล่าวหา
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีแฟนบอลกลุ่มบุคคลบางกลุ่มได้กระทำการจุดพลุแฟลร์ ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีการประสานมาทางตนโดยตรง ฝากให้ช่วยดูเรื่องนี้ให้ด้วย เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทย และประเทศไทยเสียหาย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เจตนารมณ์ที่แท้จริงในการเข้าไปเชียร์ฟุตบอลของคนกลุ่มนี้ มีหลายเหตุผลด้วยกัน อาจเป็นการดิสเครดิต และทำให้ประเทศเสียหายด้วย ตนเชื่อว่า มีคนที่ไม่หวังดีกับทางสมาคมฟุตบอลฯ และต้องการทำให้ประเทศชาติเสียหายด้วย เพราะสมาคมฟุตบอลฯ เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ โดยความเห็นส่วนตัว เชื่อว่า เป็นการดิสเครดิต การแสดงความดีใจไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น สำหรับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องมีการสืบสวนสอบสวน เพราะตนได้มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ดำเนินการไปแล้ว
“ไม่ว่าชนะหรือแพ้ก็ไม่ควรแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ขนาดปีใหม่ยังขอร้องไม่ให้จุดพลุเลย ผมได้มีการเน้นย้ำในการตรวจคัดกรองไปแล้ว เนื่องจากบางครั้งพวกที่ก่อเหตุทั้งหลายมีการซ่อนเข้ามากับอุปกรณ์เชียร์ต่างๆ ก็ยากในการตรวจพอสมควร บางคนก็มีการปิดหน้าปิดตา ในส่วนนี้ได้มีการกำชับกับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว เมื่อคดีเกิดทางตำรวจก็ต้องตามจับและเรียกตัวมา ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องรางวัลนำจับนั้นทางนายกสมาคมฟุตบอล เป็นผู้ประกาศเอง” ผบ.ตร. ระบุ
ส่วนหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะจับตาดูการเชียร์บอลของแฟนบอลกลุ่มนี้เป็นพิเศษหรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ทำมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ถ้าปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่คัดกรอง ตนสามารถควบคุมได้ อย่างเช่น ท้องสนามหลวง ก็ทำสำเร็จ เมื่อถามว่าการเล็ดลอดของพลุแฟลร์เข้าไป มองว่าเป็นการละเลยของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบหรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เราจะไม่โทษในส่วนตรงนั้น
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวว่า การจุดพลุนั้นในส่วนของข้อกฎหมายต่างๆ บก.น.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีการจุดพลุแฟลร์ ในส่วนของข้อกฎหมายก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญ คือ ความสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคม อีกส่วนหนึ่งจะมีผลกระทบต่อการจัดการแข่งขันของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา (FIFA) ในการแข่งขันนัดสำคัญๆ ถ้าหากเรามีเหตุการณ์วุ่นวายเป็นประจำ สำหรับมือจุดพลุนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวน คงจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ นี้
“เบื้องต้นตำรวจรู้ชื่อกลุ่มแล้ว ซึ่งรู้พร้อมกับสื่อมวลชน เนื่องจากกลุ่มนี้มีการขึ้นป้ายว่า “อัลตราไทยแลนด์” และเจ้าหน้าที่ก็มีรายชื่อของกลุ่มนี้แล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวน และจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุมีจำนวนกี่คนนั้น ก็มีหลายคนอย่างที่เห็นในภาพ ขณะที่การดำเนินการเอาผิดจะดำเนินการกับกลุ่ม หรือเฉพาะบุคคลที่จุดพลุนั้น ก็คงอยู่ที่การสืบสวนสอบสวนว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานก่อน ส่วนเรื่องการตั้งรางวัลนำจับนั้น เป็นข่าวอีกกระแส ถึงไม่มีการตั้งรางวัลนำจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเราก็มีการสืบสวนจับกุมอยู่แล้ว” รอง ผบ.ตร. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีบทลงโทษห้ามให้แฟนบอลกลุ่มดังกล่าวเข้าไปเชียร์บอลในสนามหรือไม่นั้น รองโฆษก ตร. กล่าวว่า หลังจากนี้ ก็จะมีการกำหนดมาตรการขึ้นมา ส่วนเจ้าหน้าที่มีการเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ในโลกโซเชียลหรือไม่นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวน ส่วนการจุดพลุจะเข้าข่ายความผิดของ คสช. หรือไม่นั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังร่วมกันพิจารณาอยู่ว่ามีความผิดฐานใดบ้าง แต่ที่แน่ๆ มีความผิดกฎหมายทางอาญา ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ส่วนจะมีการเพิ่มความเข้มงวดหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า มาตรการในการตรวจบุคคลที่จะเข้าไปชมการแข่งขันฟุตบอลนั้น เรามีมาตรการอยู่แล้ว ส่วนที่มีการนำพลุแฟร์เข้าไปจำนวนมากนั้น เพราะกลุ่มคนดังกล่าวมีวิธีการนำเข้าไป ในขั้นต้นนี้ยังไม่มีผู้ที่ได้รับอันตรายจากพลุแฟลร์ เนื่องจากยังไม่มีใครเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีว่าได้รับอันตราย ขณะที่การคัดกรองบุคคลนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่
