xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ล็อกหนุ่มปากีสถานคาสุวรรณภูมิ กลืน “โคเคน” 2 กก.ลงท้องขายยุโรป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจสากลประสานไทย รวบหนุ่มปากีสถาน คาสนามบินสุวรรณภูมิ เครือขายอาชญากรรมข้ามชาติ กลืนโคเคน 2 กก. ลงท้อง หลังบินพักไทย ก่อนส่งขายยุโรป"

วันนี้ (18 ธ.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พร้อมด้วยตำรวจสากล โดย พ.ต.ท.ชัย สงวนสิน รอง ผกก. ฝ่ายประสานงานตำรวจสากลภูมิภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันควบคุม ตัว นายทาเฮอร์ บัตต์ (Mr.Tahir butt) อายุ 45 ปี สัญชาติปากีสถาน ถือหนังสือเดินทางหมายเลข DZ3492611 มีพฤติการณ์น่าสงสัย ก่อนนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ เพื่อทำการเอกซเรย์ ซึ่งผลจากเอกซเรย์ พบยาเสพติดโคเคนบรรจุอยู่ในแคปซูล น้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม อยู่ในท้องของผู้ต้องหา จึงแจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย นำตัวส่งกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินคดีและขยายผลต่อไป

สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. ในฐานะหัวหน้าตำรวจสากลประเทศไทย ได้รับการประสานงานจากตำรวจสากลปากีสถาน ว่า จะมีชาวปากีสถานคนหนึ่งกำลังจะขนยาเสพติด โดยใช้วิธีกลืนมาในท้องขึ้นเครื่องบินจากปากีสถานเดินทางมาประเทศไทย แล้วจะมีเครือข่ายของเป้าหมายดังกล่าวในลักษณะที่เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มารับยาเสพติดต่อในไทย แล้วส่งต่อไปยังกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เพื่อนำไปจำหน่ายยังประเทศออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศยุโรป อีกต่อหนึ่ง

พล.ต.ต.อภิชาติ จึงได้รายงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทราบ และได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานต่างประเทศ ให้เข้าควบคุมกำกับสั่งการคดีนี้ ซึ่ง พล.ต.อ.สุเทพ ได้สั่งการให้ตำรวจกองปราบปรามบูรณาการกำลังกับตำรวจสากล และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง วางแผนและกระจายกำลัง เพื่อทำการสืบสวนเฝ้าติดตามเป้าหมาย ณ การท่าอากาศยานทันที ซึ่งต่อมา ตามวันเวลาดังกล่าว ก็สามารถเข้าควบคุมผู้ต้องหาได้ แล้วนำส่งโรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำการเอกซเรย์ทันที ซึ่งจากการเอกซเรย์ก็พบยาเสพติดโคเคนอยู่ในท้องของผู้ต้องหาตามที่ตำรวจสากลได้รับการประสานมาจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาจับกุมดำเนินคดี

พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้นับว่าเป็นผู้ต้องหาชาวปากีสถานเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติคนที่สอง ในเดือนนี้ที่ตำรวจไทยบูรณาการกำลังสามารถจับกุมได้ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็ได้จับกุมคนร้ายระดับหัวหน้าทีมเผาโรงงานทอผ้า เพื่อเรียกค่าคุ้มครองที่เมืองการาจี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเกือบ 300 คน ที่หนีมากบดานในประเทศไทยไปส่วนหนึ่งแล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวภายหลังจากการจับกุม ว่า จะไม่มีวันยอมให้คนต่างชาติคนใดหรือเครือข่ายต่างชาติใด มาใช้ดินแดนประเทศไทยกระทำความผิด และหลบซ่อนตัวหลบหนีกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด ซึ่งการดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ไว้ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้ประเทศไทยและชาวต่างชาติปลอดภัย และมั่นใจในการมาท่องเที่ยวและมาลงทุน นอกจากนี้ ยังเป็นการดำเนินการตามแผนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติของประชาคมอาเซียน และสหประชาชาติ ที่ได้กำหนดไว้อยู่แล้วว่าด้วยการใช้ช่องทางตำรวจสากลเป็นช่องทางหลักในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เพื่อนำมาวิเคราะห์แยกแยะให้เป็นข่าวกรอง แล้วนำมาใช้นำข่าวกรองที่ได้มาใช้นำการปฏิบัติการของตำรวจไทย ซึ่งแนวทางนี้ได้รับการรับรองเป็นมติสหประชาชาติแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยได้รับการประสานงานจากองค์การตำรวจสากลให้เป็นผู้แทนในการยกร่างมติ และกล่าวเชิญชวนประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดให้ดำเนินการตามแนวทางนี้

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต. สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก. 5 บก.ป.ได้ร่วมกันจับกุมนาย ทาเฮอร์ บัตต์ (Mr Tahir butt) อายุ 45 ปี สัญชาติปากีสถาน หนังสือเดินทางหมายเลข DZ3492611 ในข้อหาครอบครองยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำการเอ็กซเรย์ ซึ่งผลจากเอ็กซเรย์ พบยาเสพติดโคเคนบรรจุอยู่ในแคปซูล น้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม อยู่ในท้องของผู้ต้องหา

พล.ต.ต. สุทิน เปิดเผยว่า ก่อนการจับกุมผู้ต้องหารายนี้พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา หัวหน้าตำรวจสากลประเทศไทยได้รับการประสานงานจากตำรวจสากลปากีสถานว่า จะมีชาวปากีสถานคนหนึ่งกำลังจะขนยาเสพติดโดยใช้วิธีกลืนมาในท้องขึ้นเครื่องบินจากปากีสถานเดินทางมาประเทศไทย แล้วจะมีเครือข่ายของเป้าหมายดังกล่าวในลักษณะที่เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มารับยาเสพติดต่อในไทยแล้วส่งต่อไปยังกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เพื่อนำไปจำหน่ายยังประเทศออสเตรเลียและกลุ่มประเทศยุโรปอีกต่อหนึ่ง ทันทีที่ผู้ต้องหาท่าอากาศสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาก็แสดงท่าทีพิรุธ ไม่ยอมเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพาผู้ต้องไปเอ็กซเรย์ร่างกายจึงพบว่ามียาเสพติดอยู่ในท้องจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ก่อนที่จะนำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปรามดำเนินคดีต่อไป











กำลังโหลดความคิดเห็น