MGR Online – “ศานิตย์” แถลงรวบวินจยย. ข่มขืนแหม่มออสเตรเลีย อ้างโดนปลุกอารมณ์ทางเพศก่อน ยันไม่ได้ข่มขืน และชิงทรัพย์ตามที่เป็นข่าว เผย ผู้เสียหายยินยอมเอง แต่ที่ไปมีเพศสัมพันธ์ที่ตึกร้าง เพราะไม่มีเงิน ส่วนเคยมีคดีข่มขืนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ"
วันนี้ (15 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.45 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุบปต์ รรท.รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.6 พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รรท.ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บช.น. แถลงจับกุม นายเอกบุรุษ หรือ ป๊อก ฤทธิ์รักขพันธุ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาในคดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงชาวออสเตรเลีย ภายหลังสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า การกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ โดยเฉพาะการกระทำความผิดเกี่ยวกับชาวต่างชาติ เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ บช.น. บก. และ สน. ได้ใช้เวลาหลายวันในการคลี่คลายคดีนี้ เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบรถสามล้อตุ๊กตุ๊ก ที่นักท่องเที่ยวได้ให้ปากคำไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบทะเบียนไม่ใช่โชเฟอร์สามล้อเป็นคนก่อเหตุ จึงทำให้ต้องตรวจสอบใหม่ทั้งหมด ทั้งทะเบียนรถ กล้องวงจรปิด การชี้ตัวของผู้เสียหายนำมารวบรวมกับพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งตนหวั่นกระแสสังคมที่ว่า จะมีการจับแพะแล้วส่งตัวฟ้องศาลไว้ก่อน ซึ่งตนจะไม่ทำจนกว่าจะมั่นใจ ภายหลังจากการตรวจสอบแน่ชัดพบว่า คนร้ายเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง จึงยื่นคำร้องต่อศาลให้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามหลักฐานที่มีอยู่ จนศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. เวลา 23.14 น. จึงระดมทีมทำงานติดตามในพื้นที่ที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีไป ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนที่ได้นำเสนอภาพออกไปเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. จนทำให้ผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกออกหมายจับ นอกจากนี้ ผู้ที่ให้การพักพิงคนร้ายก็จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 185 ภายหลังผู้ให้การพักพิงทราบข่าวก็ได้มีการประสานเข้ามอบตัว
พล.ต.ท.ศานิตย กล่าวต่อว่า ทาง กก.สส.บช.น. ได้รับการติดต่อเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 14 ธ.ค. จึงเดินทางไปรับตัวที่ จ.สกลนคร ตนจึงได้สอบสวน นายเอกบุรุษ หรือ ป๊อก ก็ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายจริง เจ้าหน้าที่ก็รับฟังไว้ แต่จะดูตามพยานหลักฐานแม้ว่าทางนายเอกบุรุษ จะอ้างว่า ผู้เสียหายยินยอมเอง ทั้งนี้ ตนขอฝากประชาสัมพันธ์ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยว และน่าลงทุน เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยว เจ้าหน้าที่จะพร้อมดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่
นายเอกบุรุษ รับสารภาพว่า ตนประกอบอาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง มีรายได้วันละ 300 - 400 บาท โดยจะขับรถรับส่งนักเที่ยวย่านข้าวสาร คืนเกิดเหตุระหว่างที่ตนขับรถอยู่ได้พบผู้เสียหายนั่งอยู่บริเวณหน้าศึกษาภัณฑ์ จึงได้จอดมอง เพราะเห็นผู้เสียหายกำลังจะขึ้นรถกระบะ แต่เกิดการโต้เถียงกับคนขับ ตนจึงเข้าไปสอบถาม เพื่อให้การช่วยเหลือ เมื่อหันไปอีกครั้งพบว่าผู้เสียหายได้ขึ้นมาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตนแล้ว ตนจึงสอบถามว่า ยูจะไปไหน ผู้เสียหายจึงตอบว่า โก โก ตนไม่เข้าใจภาษาเท่าไหร่ แต่พอจะทราบคำพื้นฐานบ้าง จึงได้ขี่รถออกไป ระหว่างทางผู้เสียหายได้เริ่มลวนลามตนตลอดทาง เมื่อตนขี่รถไปถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ผู้เสียหายบอกให้หยุด ก่อนที่จะลงมาจูบปาก ซึ่งตนเข้าใจว่าผู้เสียหายยินยอม ตนไม่ได้บังคับผู้เสียหาย แต่ยอมรับว่ามีใจที่จะล่วงละเมิดผู้เสียหาย เนื่องจากขณะนั้นทั้งตนและผู้เสียหายอยู่ในอาการมึนเมา
นายเอกบุรุษ รับด้วยว่า ส่วนก่อนหน้านี้ที่ตนเคยมีคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด หลังจากมีข่าวออกมาเพราะความตกใจตนจึงหนีไปตั้งหลักที่ จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ตนทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ตนยอมรับว่า ได้สำเร็จความใคร่เพียงครั้งเดียว ที่ตนพาไปที่ตึกร้าง เนื่องจากว่าขับรถผ่านเป็นประจำ และตอนนั้นตนไม่มีเงิน แต่ตนก็ไม่ได้ขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกบุรุษ ได้ยกมือไหว้ และพูดว่าขอโทษประเทศไทยและผู้เสียหาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมจึงทิ้งผู้เสียหายไว้ที่ตึกร้างเพียงลำพัง นายเอกบุรุษ ระบุว่า ได้ชักชวนกับผู้เสียหายให้ขึ้นรถจักรยานยนต์แล้ว แต่ผู้เสียหายบอกปฏิเสธ ตนจึงขับรถกลับบ้าน ภายหลังการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเอกบุรุษ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุบริเวณตึกวัฏจักร ซอยบรมราชชนนี 43 ถนนบรมราชชนี แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม.